ใครสร้าง Worldcoin ?

ไอเดียตั้งต้นเริ่มมาจาก 2 ผู้สร้างคือ Sam Altman และ Alex Blania ซึ่ง Sam Altman คนนี้เองก็ยังเป็นซีอีโอของ OpenAI องค์กรที่ทำการวิจัยเกี่ยวกับปัญญาประดิษฐ์ (Artificial intelligence หรือ AI) และได้สร้าง ChatGPT ที่มีผู้ใช้งานอย่างแพร่หลายขึ้นมาในปี 2022 ส่วน Alex Blania เคยเป็นนักวิจัยเกี่ยวกับ AI

ในปี 2021 Worldcoin ได้เริ่มสร้างกองทุนเพื่อรวบรวมเงินทุนจากนักลงทุนมาทำการวิจัยมูลค่ากว่า 100 ล้านดอลลาร์ และในวันที่ 24 กรกฎาคม 2023 Cryptocurrency ของ Worldcoin (WLD) ก็ได้เปิดตัวอย่างเป็นทางการ

Worldcoin คืออะไร?

Worldcoin คือ Cryptocurrency ที่ถูกสร้างโดยผู้เชี่ยวชาญและมีประสบการณ์เกี่ยวกับ AI ซึ่ง Worldcoin มุ่งเน้นไปที่ AI เป็นหลัก โดยได้อธิบายตนเองว่าเป็นโปรโตคอลของตัวตนดิจิทัล ( digital identity protocal) ตั้งใจที่จะสนับสนุนมนุษยชาติในยุคของ AI ซึ่งการจะทำแบบนั้น Worldcoin จึงได้สร้าง “การพิสูจน์ความเป็นมนุษย์แบบกระจายศูนย์” (decentralized proof-of-personhood)

Proof-of-personhood มีความคิดพื้นฐานมาจากการที่ AI นั้นมีความสามารถที่จะสร้างสรรค์สิ่งต่างๆได้มากมาย แต่ก็ตามมาด้วยการหลอกลวงที่เกิดขึ้นสูงเช่นกัน การที่จะพิสูจน์ว่าใครคนหนึ่งนั้นเป็นคนจริงๆ ไม่ใช่บอทหรือการสวมตัวตนจึงกลายเป็นสิ่งที่สำคัญ

Worldcoin วางแผนที่จะแจกจ่ายอุปกรณ์รูปแบบหนึ่งที่เรียกว่า “Orb” ไปทั่วโลก เพื่อให้ทุกคนสแกนม่านตาของตนเพื่อรับ ID ผ่านแอพพลิเคชั่น ซึ่งจะมีการใช้เทคโนโลยีการรักษาข้อมูลส่วนตัวและกระจายอำนาจการกำกับดูแลโปรโตคอล

ทำไม Worldcoin ถึงมีความสำคัญ

Worldcoin และโปรเจคอื่นๆที่เกี่ยวข้องกับ proof-of-personhood มีพยายามที่จะแก้ปัญหาเร่งด่วนในโลกแห่งความเป็นจริง เช่น

1.proof-of-personhood แบบระบบรวมศูนย์

ระบบยืนยันตัวตนจำนวนมากมักจะมีการควบคุมแบบรวมศูนย์และถูกกำกับโดยองค์กรใดองค์กรหนึ่งเพียงองค์กรเดียว ซึ่งองค์กรที่กำกับดูแลเหล่านี้มีความท้าทายที่ต้องรักษาข้อมูลส่วนตัวของผู้ใช้งานไม่ให้รั่วไหล

2.คอนเทนท์ที่เขียนโดย AI และการสแปม

ในปัจจุบันที่ AI มีความสามารถสูงขึ้น มันสามารถเขียนคอนเทนท์ได้ดีแทบไม่ต่างจากการเขียนด้วยมนุษย์ จึงจำเป็นต้องมีวิธีที่จะบอกได้ว่าคอนเทนท์ชิ้นไหนเขียนโดย AI ชิ้นไหนเขียนโดยมนุษย์ ด้วย proof-of-personhood นี้ ทำให้ง่ายขึ้นที่จะแก้ปัญหาการสแปมจากบอทหรือ AI

สำหรับใครที่เล่นโซเชี่ยลมีเดียเป็นประจำคงเคยเห็นข้อความต่างๆที่เป็นการสแปมจากบอท ที่สร้างความรำคาญได้ไม่มากก็น้อย

Worldcoin ทำงานอย่างไร

Worldcoin มีส่วนประกอบที่สำคัญอย่างเช่น World ID เหรียญ WLD และ แอพพลิเคชั่น World App โดย World ID จะออกให้กับบุคคลที่เป็นคนจริงๆและไม่ถูกสวมตัวตนโดยคนอื่น เพื่อใช้เป็นการพิสูจน์ตัวตนของบุคคลนั้นๆ ส่วนเหรียญ Worldcoin หรือ WLD จะออกให้กับผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องในเครือข่าย ซึ่งทั้ง World ID และเหรียญ WRD จะเข้าถึงได้โดยการใช้แอพพลิเคชั่น World App ที่ผู้ใช้งานสามารถดาวน์โหลดได้ในโทรศัพท์มือถือ

ผู้ใช้งานสามารถสร้าง private และ public key ผ่าน World App และสามารถสแกนม่านตาได้ผ่านอุปกรณ์ Orb ในพื้นที่ เพื่อที่จะยืนยันว่าเป็นมนุษย์จริงๆและไม่มีใครสวมตัวตน เพราะม่านตาของมนุษย์นั้นไม่ซ้ำกัน

หลังจากยืนยันตัวตนแล้ว ผู้ใช้งานจะมี World ID เป็นของตัวเอง ซึ่งการจะยืนยันตัวตนนั้นต้องมี Orb ดังนั้น Worldcoin จึงพยายามเพิ่ม Orb ให้มีจำนวนมากพอ และกระจายไปใน 35 เมืองทั่วโลก และผู้ใช้งาน Worldcoin ในบางประเทศก็ได้รับเหรียญ WLD กันบ้างแล้ว

กลไกทางเศรษฐกิจของเหรียญ Worldcoin (WLD) เป็นอย่างไร

Worldcoin (WLD) คือเหรียญที่อยู่บนเครือข่ายของ Ethereum โดยเหรียญ WLD มีจำนวนเริ่มต้น 10,000 ล้านเหรียญ สำหรับ 15 ปีแรก หลังจากนั้นผู้ควบคุมเครือข่ายสามารถตัดสินใจว่าจะเพิ่มเหรียญด้วยอัตรา 1.5% และทำการสร้างกลไกจัดสรรเหรียญที่สร้างขึ้นมาใหม่หรือไม่

โดย 10,000 ล้านเหรียญแรกจะมีองค์ประกอบดังนี้

  • 75% ของเหรียญจะถูกจัดสรรให้ผู้ใช้งาน กองทุน ecosystem และค่าดำเนินการของเครือข่าย โดยส่วนใหญ่จะถูกแจกจ่ายให้ผู้ใช้งาน
  • เกือบ 10% ให้กับทีมผู้สร้าง 13.5% จะจัดสรรให้นักลงทุน และ 1.7% จะถูกเก็บไว้สำรอง

ก่อนที่จะเปิดตัวและเริ่มใช้งาน WLD จำนวน 7,500 ล้านเหรียญที่จัดสรรให้ผู้ใช้งานจะทยอยปลดล็อกจนครบภายใน 15 ปี ตามกำหนดการปลดล็อกเหรียญ จำนวนเหรียญทั้งหมดตอนเปิดตัวอยู่ที่ 143 ล้านเหรียญ

Worldcoin กล่าวว่ากลไกทางเศรษฐกิจนี้ออกแบบมาเพื่อทำให้เหรียญส่วนใหญ่ถูกมอบให้กับผู้ใช้รายใหม่และรายเก่าในอีกหลายๆปีข้างหน้า เพื่อสร้างเครือข่าย Proof-of-personhood กับคนจำนวนมากเท่าที่เป็นไปได้ เมื่อมีคนมาเข้าร่วมเครือข่ายมากขึ้น อุปทานเหรียญของ WLD จะขยายตัวต่อไป

ใครคือผู้ควบคุม Worldcoin ?

เป้าหมายสำคัญของ Worldcoin คือการสร้าง Proof-of-personhood แบบกระจายศูนย์ นั่นหมายความว่าผู้ควบคุมไม่ควรเป็นใครคนใดคนหนึ่ง แต่เป็นทุกคน ซึ่งโปรเจคเริ่มต้นถูกพัฒนาโดยทีมนักพัฒนาที่มีชื่อว่า “Tools for Humanity (TFH)” ทีม TFH ดำเนินการทดสอบช่วงเบต้าของโปรเจคและได้พัฒนา Orb กับ World App

องค์กรไม่แสวงผลกำไรชื่อว่า Worldcoin Foundation ถูกก่อตั้งขึ้นมาในปี 2022 ได้ขยายโปรเจค Worldcoin ให้เป็นสาธารณะประโยชน์ซึ่งเป็นเครือข่ายที่ทุกคนเข้าถึงได้ และทำให้เป็นเครือข่ายแบบกระจายศูนย์ ปัจจุบัน Worldcoin Foundation อยู่ภายใต้การควบคุมของคณะกรรมการที่มีกรรมการ 3 คน พร้อมกับที่ปรึกษาเพิ่มเติม และใช้ Multi-signature wallet 4 ใน 6 ใบ เพื่อดำเนินการเรื่องต่างๆที่เกี่ยวข้องกับสัญญาอัจฉริยะ (smart contract) ของ Worldcoin ซึ่ง Worldcoin ต้องการให้ชุมชนเป็นผู้ควบคุมและมี Worldcoin Foundation ควบคุมแบบมีบทบาทจำกัด

ข้อจำกัดและความเสี่ยงของ Worldcoin และเหรียญ WLD คืออะไร

Worldcoin มีเป้าหมายที่ทะเยอทะยานแต่ถ้าสำเร็จขึ้นก็คงจะสามารถเปลี่ยนแปลงโลกไปไม่มากก็น้อย ซึ่งมันก็ยังมีข้อจำกัดและความเสี่ยงที่เราควรพึงระวังและตระหนักไว้หากจะเข้าร่วมกับสิ่งที่ Worldcoin กำลังทำหรือจะลงทุนในเหรียญ WLD

1.ความปลอดภัยของ Orb

ความปลอดภัยของ Orb อาจจะเป็นความเสี่ยงใหญ่ที่ปรากฎ เพราะว่าไม่มีอุปกรณ์ไหนที่ปลอดภัย 100% เช่น การฉ้อโกง อาจจะมีคนนำ Orb ปลอมๆมาหลอกหาเงินกับชาวบ้าน หรือ ความแม่นยำของการสแกน และข้อมูลที่อาจรั่วไหล

2.ความผันผวนของเหรียญ WLD

ราคาของเหรียญ WLD จะต้องเจอกับความผันผวนอีกมาก เช่นเดียวกับ Cryptocurrency อื่นๆ นักลงทุนควรศึกษาโปรเจคและ smart contract ให้มั่นใจก่อน

3.ความเป็นส่วนตัวของข้อมูล

มีความกังวลเกี่ยวกับความปลอดภัยของข้อมูลส่วนตัว โดยเฉพาะข้อมูลทางชีวภาพที่มีความละเอียดอ่อน ถึงแม้ว่า Worldcoin จะไม่ได้เก็บข้อมูลของการสแกนม่านตาตรงๆ แต่เก็บผลการสแกนเป็น hash แทน แต่คนก็กังวลอยู่ดี เพราะมันต้องสแกนม่านตาและแชร์ข้อมูลนั้น

4.Centralization

ส่วนใหญ่ของ Worldcoin คือ open source ทุกคนเข้าถึงได้ แต่ก็มีบางส่วน เช่น firmware ของ Orb ที่ไม่ได้ open source หลายๆปฏิบัติการของ Worldcoin ก็เป็นแบบรวมศูนย์ เช่น ศูนย์เก็บข้อมูลที่เก็บ hash ผลการสแกนม่านตาเอาไว้ รวมถึงการสร้าง Orb และการแจกจ่าย

5.กฎหมาย

การมีเป้าหมายใหญ่ระดับโลกของ Worldcoin มีแนวโน้มที่จะต้องเจอด่านด้านกฎหมายข้อบังคับ เพราะในแต่ละประเทศนั้นมีกฎหมายไม่เหมือนกัน บางประเทศอาจไม่ยินยอมให้ประชาชนใช้งาน Worldcoin หรือ Orb เลย

Reference :

Binance Academy