มีคนมากมายที่ต้องการหาเงินจากคริปโทเคอร์เรนซี ไม่ว่าจะเป็นการเทรดปกติ ฟิวเจอร์ Long , Short อาจจะทำเงินได้มากหรือได้น้อย แต่เงินที่ได้มาก็มีโอกาสที่จะเสียกลับไป
การทำเงินที่จะทำให้เรามีความมั่นคงทางการเงินนอกจากการมีกลยุทธ์การลงทุนที่ดีแล้ว จะมีวิธีใดอีกที่ทำให้เราสร้างเงินจากคริปโทเคอร์เรนซีได้อย่างยั่งยืนและไม่ต้องเสียแรง เสียเวลาเพิ่ม บทความนี้จะเกี่ยวกับการสร้าง passive income จาก cryptocurrency
Passive income คืออะไร
คือการหารายได้โดยที่เราไม่ต้องเอาเวลาไปแลก ยกตัวอย่างเช่น รายได้จากค่าเช่า รายได้จากดอกเบี้ย เงินปันผลจากหุ้น การมี passive income ไม่ได้หมายความว่าไม่ต้องทำงานเลยแต่คือการทำงานโดยใช้เวลาน้อยลง ทำงานน้อยลง เรามีหน้าที่คอยดูแลสิ่งที่สร้างรายได้ให้กับเราเท่านั้นพอ
และสิ่งที่สำคัญที่ต้องรู้เกี่ยวกับการสร้าง passive income คือเราต้องมีเงินลงทุน ต้องใช้เวลาไปในช่วงแรกพอสมควร และมีคนหลายคนพยายามเอา passive income มาล่อ ล่อลวงให้เราไปลงทุนอะไรต่างๆ ซึ่งท้ายที่สุดก็อาจเป็นแชร์ลูกโซ่ ต้มตุ๋นหลอกลวง เรื่องพวกนี้เราก็ต้องพึงระวัง
เป็นนักขุด (Crypto mining)
นักขุดคริปโทเคอร์เรนซีไม่ได้ใช้เครื่องจักรขุด นักขุดคริปโทเคอร์เรนซีใช้คอมพิวเตอร์ในการขุด ไม่ว่าจะใช้การ์ดจอ (GPU) ใช้เครื่องขุดที่ผลิตมาขุดโดยเฉพาะ(ASIC)
การขุด Bitcoin คืออะไร และมีการทำงานอย่างไร ?
Proof of work หรือ PoW คืออะไร ทำงานอย่างไร
6 สิ่งสำคัญที่นักขุดจำเป็นต้องรู้
การขุด มีกระบวนการทำงานคร่าวๆคือการนำกำลังการประมวลผลมาใช้ในการป้องกันความปลอดภัยของคริปโทเคอร์เรนซี ด้วยการแก้สมการที่มีความยากสูงที่ระบบสร้างขึ้นมา เมื่อแก้ได้ก็จะได้รางวัลตอบแทนเป็นเงิน ซึ่งนักขุดจะนิยมเข้า Pool เพื่อเพิ่มโอกาสในการได้เงินรางวัล ทำให้สร้างรายได้ ได้อย่างมั่นคงมากขึ้น
ซึ่งก่อนจะเริ่มเป็นนักขุดก็ต้องเตรียมสถานที่ให้พร้อม เพราะเครื่องขุดต้องมีการระบายอากาศที่ดี ต้องพอมีความรู้พื้นฐานเรื่องไฟฟ้า เพราะถ้าเกิดเครื่องผิดปกติเราจะได้สามารถรู้และส่งซ่อมได้ทัน (แต่ถ้าไม่อยากยุ่งวุ่นวายเรื่องพวกนี้ก็สามารถใช้งานบริการฝากวางของทาง Mining Pro ได้ )
ในแง่ของการสร้าง passive income ถือว่าสร้างรายได้ได้สูง แต่ก็ต้องเลือกซื้ออุปกรณ์ให้ถูกรุ่นถูกสมัย เพราะอุปกรณ์มีการพัฒนาตลอดเวลา อุปกรณ์รุ่นเก่าๆอาจขุดไม่ได้เลยหรือขุดไม่คุ้มแล้ว อย่างเช่น GPU ที่ใช้ในการขุดเหรียญ Ethereum ถ้ามีความจำน้อยกว่า 4 gb จะไม่สามารถขุดได้แล้ว
ข้อดี
1.ได้รายได้แน่นอน แต่มากน้อยขึ้นอยู่กับราคาคริปโทเคอร์เรนซี
2.เมื่อไม่ต้องการขุดแล้วสามารถขายต่อได้ (mining pro รับซื้อคืนราคา 70%)
ข้อเสีย
1.ตลาดขาลงรายได้จะไม่ค่อยดี
2.เครื่องขุดต้องดูแลอย่างดี เพราะต้องทำงาน 24 ชั่วโมง
Staking
คือการนำเงินของเราไปซื้อเหรียญคริปโทเคอร์เรนซี แล้วนำเหรียญนั้นไปฝากไว้ใน Pool ซึ่งจะได้ผลตอบแทนเป็นเหรียญนั้นๆ ซึ่งแต่ละเหรียญจะมี Apr ต่างกัน ซึ่งสามารถดูได้ก่อนจะเริ่มฝาก ซึ่งการฝากเหรียญมีทั้งถอนได้และถอนไม่ได้จนกว่าจะครบกำหนดเวลา( แบบถอนไม่ได้ จะได้ผลตอบแทนเยอะกว่า)
การ staking คือการรักษาความปลอดภัยของคริปโทเคอร์เรนซีและบล็อกเชนรูปแบบหนึ่ง ที่เรียกว่า Proof of stake หลักการคือคนที่จะมีหน้าที่ตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลต่างๆจะต้องเป็นผู้มีส่วนได้ส่วนเสียกับเหรียญด้วย (สมมติเรานำเหรียญไปฝากไว้ ถ้าเราโกง เงินเราก็หายไปด้วย)
ในแง่ passive income เหรียญมีราคาขึ้นลงตลอด บางทีฝากไว้เป็นปีแต่ราคาเหรียญตก ก็เท่าทุนหรือขาดทุนไปเลย ซึ่งคนที่จะ stake ต้องรับความเสี่ยงตรงนี้ให้ได้ หรือต้องการ Stake stable coin (เหรียญตึงราคาเท่ากับ 1 USD เสมอ) ที่ราคาเหรียญไม่ตกก็ได้ผลตอบแทนน้อยกว่า stake เหรียญปกติ (ไม่ถึง 20 % ต่อปี) แต่ก็มี stable coin อย่าง UST ที่ให้ 20% ต่อปี แต่เหรียญแตกไปแล้ว เพราะไม่ได้ใช้เงินดอลลาร์ค้ำจริงๆ
ข้อดี
1.เงินลงทุนไม่หายไปไหน(ถ้าราคาเหรียญไม่ตก)
2.ใช้งานไม่ยาก ไม่ต้องมีอุปกรณ์ใช้เพียงโทรศัพท์ 1 เครื่องก็ทำได้
ข้อเสีย
1. ราคาเหรียญอาจตก หรือเหรียญพบปัญหาแล้วต้องปิดตัวลง
2.ถ้าเราเลือกล็อกเหรียญไว้แบบถอนไม่ได้ ต้องใช้เงินเย็นหรือเงินที่ยังไม่จำเป็นต้องใช้เร็วๆนี้
เปิด Lightning node
เป็น node Lightning network แล้วรับรายได้จากค่าธรรมเนียม Lightning network คือ Layer-2 ของ Bitcoin ที่สร้างมาเพื่อแก้ปัญหาการทำธุรกรรมช้า เสียค่าธรรมเนียมแพง โดย Lightning network จะเปิดเส้นทางพิเศษที่จะทำให้ผู้โอนกับผู้รับเงินทำธุรกรรมกันข้างนอกเครือข่ายบล็อกเชนก่อน แล้วทำการสรุปยอดตอนสุดท้าย จากนั้นค่อยทำการบันทึกลงบนเครือข่ายบล็อกเชน
ซึ่งการเปิดช่องทางพิเศษนี้ สมมติ Alice เปิดกับ Bob และ Bob เปิดกับ Cat ดังนี้ Alice-Bob , Bob-Cat จะทำให้ Alice ส่งเงินให้ Cat ได้เลยโดยผ่านทาง Bob ซึ่งทั้งเครือข่าย Lightning network ก็จะเป็นแบบนี้ เราไม่ต้องเปิดช่องกับทุกคน ขอแค่มีคนเชื่อมไปถึงคนที่เราต้องการส่งก็พอแล้ว แล้วค่าธรรมเนียมจากการเป็น node ก็ได้จากตรงนี้ เวลามีคนส่งเงินหากันแล้วมาผ่านช่องทางของเรา เราสามารถเก็บค่าธรรมเนียมได้
ข้อดี เมื่อ Lightning network มีคนใช้งานมากขึ้นโอกาสทำรายได้ก็มากขึ้นด้วย
ข้อเสีย อาจเป็นเรื่องยากสำหรับคนที่ยังไม่เข้าใจเทคโนโลยีบล็อกเชน หรือเข้าใจคอนเซปต์ของบิตคอยน์
สิ่งที่ควรระวังจากการสร้าง passive income
สิ่งที่ต้องระวังคือการลงทุนในสิ่งที่ไม่มีคุณภาพ อย่างเช่นการขุด crypto ถ้าหากซื้อเครื่องขุดที่ไม่มีคุณภาพ หรือตกรุ่น ซื้อมาขุดได้เพียงไม่นานเครื่องก็พังหรือไม่สามารถขุดได้แล้ว หรือการ stake ถ้าเลือกเหรียญที่ไม่มีโปรเจคดีๆและน่าเชื่อถือ นำมา stake ไว้ ราคาเหรียญก็อาจตกเรื่อยๆ ไม่ก็โดนเจ้าของหอบเงินหนี จนทำให้เสียเงินลงทุนไปได้ ซึ่งการลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลให้รอบคอบก่อนตัดสินใจลงทุน
Referrence
https://academy.binance.com/en/articles/a-beginners-guide-to-earning-passive-income-with-crypto