ขุดคริปโทฯยังไงให้ได้กำไรสูงสุด

เป็นที่ทราบกันเเล้วว่าในปัจจุบันการลงทุนที่เป็นกระเเสอย่างร้อนเเรงเเละเเพร่หลายคงจะหนีไม่พ้นการลงทุนใน cryptocurrency หรือสินทรัพย์ดิจิทัลที่เป็นการทำกำไรจากความผันผวนของราคาของเหรียญ crypto เเล้วยังมีคนอีกกลุ่มหนึ่งที่ทำกำไรจากการขุดเหมือง ( crypto mining ) การขุดเหมืองในความหมายของสินทรัพย์ดิจิทัลคือการยืนยันการทำธุรกรรมในการเเลกเปลี่ยนบน Blockchain ด้วยการใช้คอมพิวเตอร์มาทำการถอดสมการที่อัลกอริทึมของเหรียญนั้นๆสร้างขึ้นมา เมื่อคอมพิวเตอร์เครื่องนั้นทำการถอดสมการได้ก็จะได้รางวัลเป็นเหรียญนั้นกับค่าธรรมเนียมในการเเลกเปลี่ยนโดยเหรียญที่นิยมในการขุดนั้นเป็น BTC, ETH เเละเหรียญอื่นๆ โดยใครที่มีความสนใจในการลงทุนการขุดเหรียญขึ้นมานั้นต้องคำนึงถึงผลตอบเเทนเเละความเสี่ยงอย่างรอบด้าน โดยครั้งนี้เราจะมาพูดถึงปัจจัยที่มีผลการทำกำไรของการทำเหมือง crypto

1.ความเร็วในการขุด ยิ่งเรามีความเร็วในการขุดที่มากก็จะได้เปอร์เซ็นต์ผลตอบเเทนมากขึ้นด้วย โดยหน่วยที่ใช้สำหรับการขุดจะเป็น GH/s ( gigahash per second ) หรือ TH/s ( terrahash per second ) หรือความเร็วในการถอดรหัสต่อวินาทีนั่นเอง ซึ่งการที่จะมีความเร็วในการขุดที่มากก็ต้องอาศัย Hardware ที่มีประสิทธิภาพสูงโดย Hardware ที่นิยมใช้ในการขุด BTC จะเป็น ASIC ซึ่งเป็นชิปเฉพาะทางสำหรับการขุดบิทคอยน์โดยเฉพาะ ส่วน ETH จะเป็น GPU หรือการ์ดจอ โดย Hardware ที่มีความเร็วในการประมวลผลสูงก็จะมีราคาสูงเช่นกัน

2.ค่าไฟ การที่จะทำให้เครื่องขุดทำงานนั้นพลังงานที่ใช้คือพลังงานไฟฟ้านั่นเอง เมื่อเราใช้อุปกรณ์ที่มีความเร็วในการขุดสูงก็ต้องการปริมาณพลังงานไฟฟ้าสูงด้วยเช่นกัน ถ้าผู้ขุด (Miners) ต้องการกำไรสูงสุดก็ต้องลดต้นทุนด้านพลังงานให้มากที่สุดด้วย โดยวิธีการลดอาจจะเป็นการใช้พลังงานทดเเทนอย่างโซลาร์เซลล์ หรือพลังงานอื่นๆ ซึ่งต้องช่วยในการลดค่าไฟให้มากที่สุด

3.การดูเเลเครื่องขุด เครื่องขุดนั้นต้องทำงานตลอด 24 ชั่วโมงเเละมีอุณหภูมิที่สูงถ้าผู้ขุดดูเเลเครื่องไม่ดีก็จะทำให้เครื่องเสียหายซึ่งเป็นการเพิ่มต้นทุนในการขุดขึ้นไปอีก เพราะฉะนั้นในเหมืองขุดผู้ขุดจะต้องมีการติดตั้งเครื่องปรับอากาศที่เพียงพอไม่ให้อุณหภูมิเครื่องขุดสูงเกินไปเเละคอยตรวจสอบเครื่องขุดอย่างสม่ำเสมอ

4.จำนวนเครื่องขุด นักลงทุนที่มีกำลังทรัพย์มาก สามารถลงทุนเครื่องขุดในจำนวนมากซึ่งเป็นการประหยัดต่อขนาด ( economy of scales ) ซึ่งเป็นการลดต้นทุนต่อหน่วยให้น้อยลงนั่นเอง ยกตัวอย่างเช่นในเหมืองขุดมีอุปกรณ์ปรับอากาศหนึ่งเครื่องถ้าเราเพิ่มเครื่องขุดเข้าไปต้นทุนค่าไฟของเครื่องปรับอากาศเเละค่าเช่าสถานที่ต่อหน่วย (ต่อเครื่องขุดหนึ่งเครื่อง) ก็จะลดลงไปตามปริมาณเครื่องขุดที่เพิ่มเข้ามานั่นเอง

5.ราคาของสินทรัพย์ดิจิตอล เพราะเราได้ผลตอบเเทนเป็นเหรียญ crypto currency การที่เหรียญมีราคาสูงก็เเปลว่าเราสามารถขายเหรียญในราคาสูงได้นั่นเอง ในทางกลับกันถ้าเหรียญมีราคาตกรายได้จากการขายก็จะน้อยลงตามไปด้วย ซึ่งผู้ขุดสามารถเก็บเหรียญที่ขุดได้ไปขายตอนราคาสูงได้เเต่อาจจะใช้เวลาที่นาน

6.ค่า Difficulty หรือค่าความยากในการขุด ค่า dif เพิ่มขึ้นเป็นเพราะมีกำลังขุดในปริมาณมากซึ่งอัลกอริทึมก็จะเพิ่มความยากของการขุดให้มากขึ้นทำให้การขุดไม่ได้ยากเกินไปหรือง่ายเกินไป โดยผู้ขุดต้องคำนึงถึงค่า dif อ่านเกี่ยวกับค่า Difficulty เพิ่มเติม