ประเภทของเครื่องขุด

ตั้งแต่มีการสร้างบิตคอยน์ขึ้นมา สิ่งที่เติบโตไปพร้อมกับมูลค่าของบิตคอยน์ก็คือเครื่องขุด เนื่องจากเครื่องขุดนั้นเป็นเครื่องจักรที่สามารถสร้างมูลค่าออกมาได้ จึงมีบริษัทที่มุ่งพัฒนาขีดจำกัดของเครื่องขุดให้มีประสิทธิภาพและความสามารถในการทำกำไรที่สูงขึ้น ซึ่งจริงๆแล้วเครื่องขุดก็มีหลายประเภท มีการใช้อุปกรณ์แตกต่างกัน การทำงานแตกต่างกัน ดังนี้

เครื่องขุด CPU

การขุดเหรียญคริปโตเริ่มขึ้นมาจากการใช้ CPU (หน่วยประมวลผลกลาง) ซึ่งมีอยู่ในคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลทุกเครื่อง ในช่วงแรกๆของบิตคอยน์ผู้คนจะใช้เครื่องขุดประเภทนี้อย่างเดียว แต่ด้วยความที่คอมพิวเตอร์เป็นเครื่องมือสำหรับการทำงานหลายอย่าง ไม่ได้ออกแบบมาเพื่อการทำงานอย่างเฉพาะเจาะจงอย่างใดอย่างหนึ่ง

การใช้คอมพิวเตอร์ในการขุดจึงไม่ใช่วิธีการที่ประหยัดพลังงานเท่าไรนัก และเมื่อการแข่งขันในการขุดบิตคอยน์เพิ่มมากขึ้น เริ่มมีการใช้อุปกรณ์รูปแบบอื่นที่มีแรงขุดสูงๆมาขุด ทำให้แรงขุดโดยรวมสูงขึ้น ด้วยแรงขุดและประสิทธิภาพที่น้อยกว่าของ CPU ทำให้การขุดด้วย CPU เป็นวิธีการขุดที่ไม่สามารถสู้กับวิธีการอื่นๆได้

ขุดด้วย GPU

เครื่องขุดแบบ GPU (การ์ดจอ) คืออุปกรณ์การประมวลผลที่ประกอบเข้าด้วยกันเพื่อขุดเหรียญคริปโต ซึ่งอาจจะดูเหมือนคอมพิวเตอร์ส่วนตัวทั่วไป แต่มักจะนำ GPU หลายตัวเชื่อมต่อกับเมนบอร์ด เป็นผลให้มีแรงขุดสูงกว่า CPU อย่างมาก

เครื่องขุดแบบ GPU เครื่องแรกในปี 2009 สามารถเพิ่มประสิทธิภาพในการขุดถึงประมาณ 332% เมื่อเทียบกับเครื่องขุด CPU โดย GPU ไม่ได้ออกแบบมาเพื่อขุดคริปโตโดยเฉพาะ แต่มักใช้ในการเรนเดอร์ภาพและวิดีโอ หรือเกม

ผู้ผลิต GPU ที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในตลาดได้แก่ Nvidia, Asus, MSI และ AMD ตัว GPU ที่ได้ถูกนำไปขุดคริปโตมากที่สุดคือ GeForce RTX 3060 Ti และ GeForce 3090 ของ Nvidia นอกจากนี้ยังมี RX 6700 XT และ Radeon RX 580 ของ AMD

เครื่องขุดแบบ FPGA

FPGA (Field-Programmable Gate Array) เป็นวงจรอิเล็กทรอนิกส์ที่สามารถตั้งโปรแกรมให้ทำงานเฉพาะอย่างได้ ดังนั้นจึงสามารถนำมาใช้เพื่อขุดคริปโตเหรียญใดเหรียญหนึ่ง หลังจากนั้นก็ตั้งโปรแกรมใหม่ให้ขุดเหรียญอื่นได้อีก

ซึ่งเป็นสิ่งที่ฟังดูดีในทางทฤษฎี แต่ในทางปฎิบัติกระบวนการทำเป็นเรื่องยาก และ FPGA ยังมีประสิทธิภาพในการขุดต่ำกว่าเครื่องขุด ASIC ซึ่งเป็นเหตุผลว่าทำไมว่าเครื่องขุดประเภทนี้ถึงไม่มีใครใช้งานแล้ว แต่ถึงอย่างนั้นเครื่องขุด FPGA ตัวแรกในปี 2011 ก็ยังประหยัดพลังงานมากกว่าเครื่องขุด GPU ถึง 615%

เครื่องขุด ASIC

ประเภทเครื่องขุดที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในปัจจุบันคือเครื่องขุด ASIC (หน่วยประมวลผลที่ออกแบบมาเพื่องานใดงานหนึ่งโดยเฉพาะ) ซึ่ง ASIC มีความแตกต่างจากหน่วยประมวลผลอื่นๆเพราะถูกออกแบบและผลิตขึ้นมาสำหรับขุดคริปโตโดยเฉพาะ

เมื่อเครื่องขุด ASIC ได้รับการปรับให้เหมาะสมกับการขุดแล้ว มันจะมีประสิทธิภาพสูงกว่าการใช้เครื่องขุดรูปแบบอื่นๆมาก ซึ่งเครื่องขุด ASIC เครื่องแรกในปี 2013 ประหยัดพลังงานมากกว่าเครื่องขุด FPGA ถึง 460%

ในการวัดประสิทธิภาพด้วย J/T คือ Joules (หน่วยพลังงาน) หารด้วย Terahash (แรงขุด) จะออกมาเป็น 1 Terahash ที่ได้จะใช้พลังงานไปเท่าใด เช่นของรุ่น Antminer S21 Pro ใช้พลังงาน 15 Joules ต่อ 1 Terahash ยิ่งตัวเลขของ J/T น้อยลงเท่าไร หมายถึงประสิทธิภาพของเครื่องขุดที่สูงขึ้นเท่านั้น

ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีที่สามารถทำให้ประสิทธิภาพของเครื่องขุดเพิ่มขึ้นได้คือเทคโนโลยีในการลดขนาดของทรานซิสเตอร์ลง ซึ่งขณะนี้ทรานซิสเตอร์หนึ่งตัวมีขนาดอยู่ในหน่วยของนาโนเมตร การที่ทรานซิสเตอร์ที่มีขนาดเล็กลงจะทำให้สามารถวางไว้บนชิปได้มากขึ้นนั่นเอง

เครื่องขุดที่ดีที่สุด

วิธีที่ง่ายและรวดเร็วที่สุดในการดูว่าเครื่องขุดรุ่นไหนดีที่สุดในปัจจุบันก็คือการดูที่ประสิทธิภาพสูงสุดเมื่อเปรียบเทียบกับต้นทุน แต่ในทางปฏิบัติ การดูตัวเลขของประสิทธิภาพเพียงอย่างเดียวไม่ใช่วิธีที่ดีที่สุด เนื่องจากเครื่องขุดบางตัวจะเหมาะสมกับบางสถานที่

บางรุ่นต้องใช้หม้อแปลง เบรกเกอร์ และสายไฟที่แตกต่างกันในพื้นที่ ซึ่งสามารถเพิ่มต้นทุนโดยรวมของเรา รวมถึงเครื่องขุดบางรุ่นที่แรงขุดสูงแต่ว่ากินไฟมาก แบบนี้ก็หมายถึงประสิทธิภาพไม่ได้สูง แต่ถ้าหากเรามีแหล่งไฟฟ้าราคาถูก เครื่องขุดรุ่นนี้ก็อาจจะเหมาะสมกับเรา

Reference : River.com