Pool ขุดคริปโทเคอร์เรนซีเกิดขึ้นมาเพื่อให้ผู้คนที่มีกำลังขุดไม่มากพอที่จะทำการขุดแข่งขันกับผู้อื่น ได้นำกำลังขุดของตัวเองมารวมกับคนอื่น ทำให้มีโอกาสที่จะได้ผลตอบแทนมากขึ้น แต่ผลตอบแทนก็จะกระจายตามสัดส่วนของกำลังขุดภายใน Pool ซึ่งจริงๆแล้วเราก็สามารถขุดเดี่ยวๆแบบไม่เข้ากับ Pool ได้ หรือที่เรียกว่าขุด Solo แต่โอกาสที่จะได้รับ Block Reward มีน้อยมาก การร่วม pool ทำให้มีโอกาสในการได้รับผลตอบแทนมากกว่า

 

ทำไม mining pool ถึงเกิดขึ้นมา

คริปโทเคอร์เรนซีให้ความสำคัญกับระบบการเงินไร้ศูนย์กลาง (โดยเฉพาะบิตคอยน์) ในตอนแรกทุกคนสามารถใช้คอมพิวเตอร์ในการขุดคริปโทเคอร์เรนซีได้ เพื่อแลกกำลังประมวลผลกับรางวัลตอบแทน แต่ในช่วงหลัง หลังจากผลตอบแทนและความนิยมของ Bitcoin เพิ่มขึ้นสูงมาก ทำให้องค์กรที่มีต้นทุนและมีความได้เปรียบในการขุดเข้ามาขุด Bitcoin มากขึ้น

ซึ่งโดยธรรมชาติของ Bitcoin ที่ออกแบบมาให้นักขุดแข่งขันกันหาคำตอบของสมการคณิตศาสตร์ที่กำหนดโดยระบบ เพื่อหาคำตอบที่ถูกต้องเพียงหนึ่งเดียว เมื่อนักขุดมีกำลังขุดสูงขึ้นก็จะทำให้คำตอบนั้นถูกค้นหาได้เร็วขึ้นด้วย บิตคอยน์จึงมีการปรับความยากของสมการให้เหมาะสม ด้วยระบบที่เรียกว่า difficulty มันจะเพิ่มความยากในการหาคำตอบทุกครั้งที่กำลังขุดในเครือข่ายสูงขึ้น โดยเฉลี่ยแล้ว Difficulty จะปรับให้นักขุดแก้สมการได้ทุกๆ 10 นาที

หมายความว่าการที่นักขุดนำเครื่องขุดที่มีกำลังสูงๆเข้ามาขุดเพิ่มขึ้น จะทำให้ความยากในการหาคำตอบเพิ่มขึ้น ผู้ที่มีกำลังขุดมากก็มีโอกาสได้รับผลตอบแทนมาก ส่วนนักขุดที่มีเครื่องขุดกำลังขุดน้อยๆหรือล้าสมัยก็จะมีโอกาสในการได้รับผลตอบแทนน้อยมาก เช่นการเกิดขึ้นมาของเครื่องขุด ASIC ก็ทำให้การขุดด้วย CPU ในคอมพิวพิวเตอร์แบบช่วงแรกๆทำไม่ได้อีกต่อไป

และวิธีการหนึ่งที่จะทำให้นักขุดสเกลเล็กๆสามารถสร้างผลตอบแทนได้อย่างต่อเนื่องก็คือ Mining Pool นักขุดจะนำเครื่องขุดของตนมาขุดร่วมกับนักขุดรายอื่น และขุดเสมือนเป็นบุคคลเดียว เมื่อได้รับ Block Reward ก็จะนำผลตอบแทนมาแบ่งกันภายใน Pool โดยจะมีผู้ดำเนินการเป็นองค์กรหรือบริษัทต่างๆ เช่น Slush Pool, Binance Pool

ซึ่งจริงๆแล้ว Mining Pool เหล่านี้ก็ทำให้เกิดการรวมศูนย์กัน เพราะเกิดการนำกำลังขุดเข้ามาร่วมกันและดำเนินการโดยบุคคลที่ 3 ดังนั้นการขุดแบบ pool ก็มีทั้งข้อดีและข้อเสีย แต่มันขึ้นอยู่กับสิ่งที่เราต้องการ ต้องการทำตามอุดมการณ์ของ Bitcoin หรือแค่อยากทำกำไรจากการขุด

[Difficulty คืออะไร? ส่งผลอย่างไรต่อนักขุด?]

[Block Reward คืออะไร สำคัญอย่างไรต่อนักขุด]

ข้อดี ข้อเสียของ Mining pool

ข้อดี

เพิ่มโอกาสได้ผลตอบแทน : ทุกๆ 10 นาทีจะมีผู้ที่ได้รับ Block reward เพียง 1 คน ซึ่งโอกาสได้ของแต่ละคนนั้นน้อยมากๆ แต่พอเกิดการรวมกลุ่มกัน โอกาสในการได้รับผลตอบแทนก็เพิ่มขึ้น

ข้อเสีย

ต้องแบ่งกำไรและเสียค่าธรรมเนียม : การเข้าร่วม pool ทำให้เราต้องแชร์ผลตอบแทนกับคนใน pool ถ้ามีสัดส่วนกำลังขุดมาก ผลตอบแทนก็จะได้มากขึ้นตาม รวมถึงการเข้าร่วม pool ทำให้เราต้องเสียค่าธรรมเนียมให้กับเจ้าของ pool ซึ่งอัตราค่าธรรมเนียมจะมากน้อยขึ้นอยู่กับ pool

 

Mining Pool ส่งผลต่อ Cryptocurrency อย่างไร?

การขุดคริปโทเคอร์เรนซีได้เปลี่ยนจากต่างคนต่างขุดกลายมาเป็นรวมกลุ่มกันขุดโดยมีผู้ขุดรายใหญ่เป็นบริษัทหรือองค์กรใหญ่ๆ ซึ่งมีข้อกังวลเนื่องจากการรวมศูนย์ของกำลังขุด (Centralization)

Centralization

การรวมศูนย์ของอำนาจมีข้อดีหลายอย่าง เช่นเราสามารถโยนเรื่องต่างๆไปให้บุคคลที่ 3 คอยจัดการให้ ด้วยการทำงานที่รวดเร็วกว่า ประสิทธิภาพสูงกว่า เช่น ธนาคาร รัฐบาล แต่ต้องขีดเส้นใต้ไว้ว่าบุคคลที่ 3 นี้ต้องไว้ใจได้และมีความน่าเชื่อถือ

แต่สำหรับคริปโทเคอร์เรนซีแล้วการกระจายศูนย์คือหัวใจหลัก อย่างเช่นบิตคอยน์ที่ต้องการตัดอำนาจศูนย์กลางออกไปอย่างสมบูรณ์แบบ มีการวางระบบมาให้เป็นแบบกระจายศูนย์ ไม่มีใครเป็นเจ้าของ แม้แต่ตัวผู้สร้างเองเรายังไม่สามารถรู้ตัวตนที่แท้จริง

ถ้าคริปโทเคอร์เรนซีมีผู้ควบคุมมันก็ไม่ต่างจากเงินในบัญชีธนาคาร หรือเงินใน e-wallet ของบริษัทเอกชนต่างๆที่เป็นเพียงเงินดิจิทัลแต่ไม่ได้มีคุณสมบัติในการกระจายศูนย์เช่นเดียวกับบิตคอยน์เลย

ซึ่งการรวมศูนย์ของคริปโทเคอร์เรนซีหมายถึงการที่ผู้มีอำนาจตัดสินใจมีเพียงกลุ่มคนไม่กี่กลุ่ม การที่มีผู้ใดผู้หนึ่งในเครือข่ายมีกำลังขุดมากกว่าครึ่งหนึ่ง หรือมากกว่า 51 % มันสามารถสร้างความไม่ปลอดภัยให้กับเครือข่าย เพราะบุคคลนั้นสามารถทำการแก้ไขธุรกรรมที่เกิดขึ้นของตนเองในอดีต และเกิดการ Double spending ส่งผลให้เครือข่ายขาดความน่าเชื่อถือ และคริปโทฯนั้นก็จะตายในที่สุด

โดยเหตุการณ์ 51% Attack เคยเกิดขึ้นมาแล้วกับ ฺBitcoin Gold ในปี 2018 แต่เหตุการณ์นี้ยังเกิดขึ้นได้ยากกับบิตคอยน์ เพราะบิตคอยน์ยังมีกำลังประมวลผลในเครือข่ายที่สูงมาก การจะเกิด 51% Attack แทบเป็นไปไม่ได้ แต่สำหรับคริปโทเคอร์เรนซีอื่นๆที่ยังเพิ่งก่อร่างสร้างตัวนั้นยังมีโอกาสสูงมากที่จะเกิดขึ้นได้