บล็อกเชนคืออะไร

นวัตกรรมของบล็อกเชนที่สำคัญคือความสามารถในการรับประกันความถูกต้องและความปลอดภัยของข้อมูลที่ถูกบันทึก โดยไม่จำเป็นต้องมีคนกลางหรือบุคคลที่ 3 มาคอยตรวจสอบ

บล็อกเชนเก็บข้อมูลไว้เป็นกลุ่ม หรือที่เรียกว่า “บล็อก” แต่ละบล็อกมีความจุข้อมูลคงที่ เวลาบันทึกข้อมูลจนเต็มบล็อก จะทำการปิดบล็อกและทำการเชื่อมเข้ากับบล็อกที่ทำการปิดก่อนหน้า กลายเป็นสายของข้อมูลที่ร้อยต่อกันเรื่อยๆ ที่เรียกกันว่า “บล็อกเชน”

 

Block Reward คืออะไร

Block reward คือผลตอบแทนที่นักขุดจะได้รับเมื่อทำการยืนยันธุรกรรมบนเครือข่าย โดยจะได้เป็นเหรียญคริปโทฯเมื่อสร้างบล็อกสำเร็จ ซึ่งการสร้างบล็อกนั้นเป็นหน้าที่ของนักขุด ทำไปเพื่อสร้างเหรียญใหม่เข้ามาสู่ระบบ และยืนยันธุรกรรมใหม่ๆ ซึ่ง Block reward ประกอบไปด้วย 2 ส่วน

Block subsidy คือเหรียญใหม่ที่ถูกสร้างขึ้นมาหลังสร้างบล็อกเสร็จ เช่น Bitcoin ที่ตอนนี้จะถูกสร้างขึ้น 6.25 เหรียญ ทุกๆ 10 นาที

Transaction fees คือค่าธรรมเนียมที่ผู้ใช้งานทำธุรกรรมกันบนเครือข่าย ซึ่งจะบวกเพิ่มเป็นผลตอบแทนให้กับนักขุด

 

ประโยชน์ของ Block Reward

Block reward มีไว้เพื่อสร้างแรงจูงใจให้กับนักขุดในการทำหน้าที่ของตน ซึ่งมีต้นทุนที่ต้องจ่าย เช่น ค่าเครื่องขุด ค่าไฟ การสร้างแรงจูงใจให้กับนักขุดมีเหตุผลหลักๆ 2 ข้อ

รักษาความปลอดภัยของเครือข่าย

Block reward สร้างแรงจูงใจให้นักขุดนำเครื่องขุดของตนมาทำการสร้างบล็อก ซึ่งการที่มีเครื่องขุดมาเข้าร่วมมากขึ้นทำให้กำลังประมวลผลในเครือข่ายสูงขึ้น มันช่วยทำให้เครือข่ายบล็อกเชนปลอดภัยมากขึ้น เพราะกำลังประมวลผลในเครือข่ายที่สูงมากๆ ผู้ที่จะมาโจมตีเครือข่ายก็ต้องมีกำลังประมวลผลที่สูงกว่า เช่น Bitcoin ที่มีกำลังประมวลผลในเครือข่ายเทียบเท่ากับ CPU ของแล็ปทอปหลายล้านเครื่องมารวมกัน ผู้ที่จะโจมตี Bitcoin ก็ต้องมีกำลังประมวลมากกว่านี้ หรือที่เรียกกันว่า 51% Attack

[51% Attack คืออะไร? จะป้องกันได้อย่างไร?]

ปลดปล่อยเหรียญ

ในที่นี้ขอยกตัวอย่างเป็นบิตคอยน์ที่มีปริมาณเหรียญจำกัดที่ 21 ล้านเหรียญ การให้ Block reward คือการสร้างเหรียญใหม่ๆเข้ามาในระบบ จำนวนบิตคอยน์ที่ยังไม่ถูกสร้างขึ้นจะลดลงเรื่อยๆ ซึ่งตอนนี้บิตคอยน์ได้ถูกสร้างขึ้นมามากกว่า 19 ล้านเหรียญ ตอนนี้เหลือบิตคอยน์ที่ยังไม่ถูกสร้างอีกไม่ถึง 2 ล้านเหรียญ

 

บิตคอยน์ลด Block Reward ลงครึ่งหนึ่งทุกๆ 4 ปี

Satoshi Nakamoto ผู้สร้างบิตคอยน์ต้องการทำให้ปริมาณเหรียญของบิตคอยน์มีจำนวนจำกัด เพราะต้องการป้องกันปัญหาต่างๆที่เกิดขึ้นถ้าจำนวนเหรียญมีไม่จำกัด เช่น เหรียญเสื่อมมูลค่า ถ้าเปรียบเทียบกับเงินที่เราใช้กันก็คือป้องกันปัญหาเงินเฟ้อนั่นเอง และยังป้องกันการเสกเหรียญเข้าสู่ระบบที่สามารถสร้างความเสียหายให้กับระบบเศรษฐกิจ

ซาโตชิเลยกำหนดให้ Block reward ของบิตคอยน์ลดลงครึ่งหนึ่งทุกๆ 4 ปี โดยประมาณ ซึ่งการทำให้ Block reward ลดลงครึ่งหนึ่งแบบนี้มีคำเรียกว่า “Bitcoin halving” ซึ่งในตอนแรกเมื่อบิตคอยน์บล็อกแรกถูกขุด นักขุดจะได้รับ Block reward จำนวน 50 BTC และลดลงมาทุกๆ 4 ปี ทำให้ตอนนี้นักขุดจะได้รับ Block reward ที่ 6.25 BTC

ซึ่งการที่บิตคอยน์กำหนดไว้ว่าต้องลดลงครึ่งหนึ่งทุก 4 ปี มันทำให้เราสามารถรู้เวลาที่แน่นอนว่าบิตคอยน์จะถูกขุดพบจนหมดในปี 2140 หลังจากนั้น Block reward ที่นักขุดได้รับจะมีเพียงแค่ค่าธรรมเนียมเพียงเท่านั้น

[Bitcoin Halving คืออะไร และมีความสำคัญอย่างไร?]

 

วิธีเพิ่มโอกาสได้รับ Block Reward

ในปัจจุบันมีนักขุดและเครื่องขุดจำนวนมากที่กำลังทำงานเพื่อรับ Block reward ในทุกๆ 10 นาทีจะมีคนได้รับ Block reward เพียงหนึ่งคน โดยปกติแล้วถ้านักขุดทำงานแบบปกติ โอกาสในการได้รับ Block reward จะน้อยมากๆ ได้รับหนึ่งครั้งก็เหมือนกับถูกหวยเลยก็ว่าได้

แต่เครื่องขุดบิตคอยน์นั้นต้องทำงานตลอดเวลา นักขุดมีต้นทุนที่ต้องจ่าย เช่น ค่าไฟ ค่าบำรุงรักษา การรอโอกาสได้รับ Block reward ทำให้ไม่คุ้มค่าในการลงทุนมากนัก เพราะไม่รู้ว่าเมื่อใดจะคืนทุน เมื่อใดจะได้ผลตอบแทน

นักขุดก็มองเห็นปัญหาข้อนี้ จึงมีผู้นำในการสร้าง Pool ขึ้นมา ให้นักขุดนำกำลังประมวลผลของตนมารวมกับคนอื่นๆ รวมกลุ่มกันเหมือนเป็นนักขุดเพียงคนเดียว ซึ่งทำให้กำลังประมวลผลมีจำนวนมาก และโอกาสในการได้รับ Block reward นั้นเพิ่มขึ้น

เมื่อได้รับ Block reward ก็จะแบ่งผลตอบแทนกันระหว่างนักขุดภายในกลุ่ม ใครมีสัดส่วนกำลังประมวลผลมากก็จะได้รับผลตอบแทนมาก หรือได้ผลตอบแทนตามกำลังประมวลผลที่มีนั่นเอง ซึ่งในตอนนี้มี Pool ใหญ่ๆอยู่หลายเจ้า เช่น Binance Pool, Ant Pool, Foundry USA

[Pool สำหรับการขุดคริปโทเคอร์เรนซี]