เรามีความคุ้นเคยกันอยู่แล้วว่าคริปโทเคอร์เรนซี เช่น Ethereum , Binance เป็นสกุลเงินดิจิทัลที่มีพื้นฐานคือการกระจายศูนย์ และการตัดคนกลางออกไป ซึ่งพื้นฐานต่างๆเหล่านี้เป็นจริงขึ้นมาได้ด้วยการใช้เทคโนโลยีบล็อกเชน

ซึ่งทั้งเครือข่ายของ Ethereum และ Binance จริงๆแล้วได้ให้ความสำคัญไปที่การเป็น open-source หรือเครือข่ายสาธารณะที่ต้องการให้นักพัฒนาซอฟต์แวร์ที่มีไอเดียดีๆ เข้ามาสร้างแอปพลิเคชั่นบนเครือข่าย และสามารถดึงดูดผู้ใช้งานได้

แอปพลิเคชั่นที่มีความสำคัญมากอย่างหนึ่งคือแอปที่ให้ผู้ใช้งานสามารถทำกิจกรรมทางการเงินได้โดยปราศจากคนกลาง นั่นคือ Decentralized finance – DeFi โดยตัดคนกลางอย่างเช่น รัฐบาล องค์กรเอกชน ออกไป โดยกิจกรรมทางการเงินก็เช่น กู้ยืม ปล่อยกู้

 

แล้วทำไมคนถึงต้องการ DeFi ?

เข้าถึงบริการทางการเงิน

ในปัจจุบันมีผู้คนมากกว่าพันล้านที่ไม่สามารถเข้าถึงบริการทางการเงินได้ ซึ่งบริการทางการเงินนั้นช่วยพัฒนาคุณภาพชีวิตของผู้คนได้ในทางใดทางหนึ่ง แต่กลับกลายเป็นว่ามีผู้คนจำนวนมากถูกตัดขาดจากการใช้บริการทางการเงิน

ลดข้อผิดพลาด

เทคโนโลยีพื้นฐานอย่างบล็อกเชนนั้นมีความพิเศษ มันมีการจัดเก็บข้อมูลที่ทุกคนในเครือข่ายจะมีข้อมูลเหมือนกันทุกประการ ดังนั้นถ้าใครคนใดคนหนึ่ง หรือคนส่วนใหญ่ทำข้อมูลหายไปก็ไม่ใช่ปัญหา เพราะคนที่เหลือก็ยังมีข้อมูลอยู่

 

เราสามารถใช้ประโยชน์จาก DeFi ได้อย่างไร

ลดต้นทุนการส่งเงินข้ามพรหมแดน

การส่งเงินข้ามพรหมแดนทำให้ต้นทุนทางการเงินสูงขึ้น เช่น ค่าธรรมเนียมเกิดขึ้นในตอนที่เราเคลื่อนย้ายเงินข้ามประเทศ ซึ่ง DeFi เป็นระบบการเงินที่ไร้พรหมแดน ผู้ใช้งานสามารถส่งเงินให้กันได้โดยสามารถลดต้นทุนลงได้มากกว่า 50 % ส่งผลให้ประสิทธิภาพทางการเงินสูงขึ้น

พัฒนาระบบกู้ยืมเงิน

การปล่อยกู้ยืมเงินมีจุดอ่อนสำคัญคือความน่าเชื่อถือ เช่น ผู้กู้เบี้ยวหนี้ ผู้กู้ไม่มีเงินคืน แต่ DeFi นั้นสามารถแก้ปัญหาเหล่านี้ได้ ระบบการเงินแบบไร้ศูนย์กลางจะมีสิ่งที่เรียกว่า smart contract มันคือสัญญาที่ทำงานได้แบบอัตโนมัติ ซึ่งผู้กู้ไม่สามารถเบี้ยวหนี้กับ code ที่ทำงานอัตโนมัติในเงื่อนไขที่กำหนดได้

Stablecoins

มันคือสกุลเงินดิจิทัลรูปแบบหนึ่ง ที่มีการตรึงราคาให้เท่ากับสกุลเงินในโลกจริงอยู่ตลอดเวลา เช่น USDT USDC ที่มีการตรึงราคาให้เท่ากับ 1 ดอลลาร์ ซึ่งวิธีการตรึงก็คือการนำสกุลเงินดอลลาร์จริงๆมาค้ำไว้ โดยประโยชน์ของมันคือการลดความเสี่ยงจากการผันผวนของคริปโทฯปกติ ด้วยการมาถือ stablecoin แทน

 

ความเสี่ยงของ Decentralized finance – DeFi

ความมั่นคง

ในปี 2021 – 2022 นี้ DeFi ได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นมาก มีผู้ใช้งานมากขึ้น และผู้ให้บริการก็เพิ่มขึ้นเช่นกัน ซึ่งจากประสบการณ์ส่วนตัวผมเอง ในปีที่ผ่านมาวงการ DeFi ได้ผ่านร้อนผ่านหนาวมาเยอะมาก ทางนักพัฒนามีการคิดค้นและลองสิ่งใหม่ๆ บางสิ่งก็ล้มเหลว บางสิ่งก็ประสบความสำเร็จ ซึ่งในมุมมองของผู้ที่ต้องการมาแสวงหากำไรในวงการนี้มองว่า DeFi ยังต้องฟูมฟักไปอีกสักพัก จนกว่าจะมีความเสถียรภาพ เพราะ DeFi ส่วนใหญ่ตอนนี้จะเน้นเข้าเร็วออกเร็วเป็นหลัก มากกว่าการสร้างรายได้อย่างมั่นคง

ความผันผวน

คงเป็นที่ทราบกันอยู่แล้วว่าคริปโทฯเป็นสินทรัพย์ที่มีความผันผวนสูง ด้วยการที่ราคาขยับขึ้นลงได้ทีละ 10 – 20 % จึงส่งผลต่อการวางแผนของนักลงทุน ต้องจำกัดความเสี่ยงให้ดี

ความพร้อม

แน่นอนว่าระบบการเงินไร้ศูนย์กลางต้องการให้ผู้คนได้ใช้งานในวงกว้าง หมายความว่าระบบพื้นหลังอย่างบล็อกเชนต้องรองรับคนจำนวนมากได้ ซึ่งตอนนี้ก็มี Ethereum 2.0 ที่ทำการอัปเกรดตัวเอง ให้ทำธุรกรรมได้มากขึ้น ใช้ต้นทุนน้อยลง เพื่อรองรับระบบการเงินไร้ศูนย์กลางที่จะขยายใหญ่ขึ้นในอนาคต

 

ข้อดีข้อเสียของ Decentralized finance – DeFi

ข้อดี

1.โอนเงินไปได้ทั่วโลกโดยมีค่าธรรมเนียมเท่าเดิม

2.สามารถสร้างรายได้ให้นักลงทุน

3.ความปลอดภัยสูง

ข้อเสีย

1.ราคาคริปโทฯมีความผันผวนสูง

2.การเข้าร่วมและใช้งาน DeFi นั้นมีความซับซ้อน และยากต่อการทำความเข้าใจ

3.มีความเสี่ยงในการถูกฉ้อโกง และการหลอกลวงสูง

รับฝากวางเครื่องขุด