Cryptocurrency คือเทคโนโลยีที่มาเปลี่ยนแปลงระบบการชำระเงินของโลก แต่มันก็ยังมีข้อจำกัดหลายอย่าง เช่น ราคาผันผวน ความรวดเร็ว ค่าธรรมเนียม แค่จะซื้อข้าวซักจานจำเป็นต้องใช้มันด้วยเหรอ?

ขณะนั้นเองรัฐบาลหลายประเทศได้ริเริ่มสร้าง CDBC สกุลเงินของรัฐบาลในรูปแบบดิจิทัล ซึ่งคาดหวังว่าจะสามารถเพิ่มประสิทธิภาพในระบบการชำระเงิน ทำให้ทุกคนเข้าร่วมได้ด้วยต้นทุนน้อยที่สุด และใช้เทคโนโลยีที่ทันสมัย แต่จริงๆแล้ว CBDC คืออะไรกันแน่ แล้วมันมีประโยชน์แค่ไหนที่จะใช้งานมัน?

 CBDC คืออะไร

   CBDC ย่อมาจาก Central bank digital currency แปลตรงตัวก็คือสกุลเงินดิจิทัลของธนาคารกลาง มันคือเงินตราทั่วไปที่ถูกนำมาอยู่ในรูปแบบดิจิทัล ซึ่งถูกสร้างขึ้นมาโดยอยู่ภายใต้การควบคุมของรัฐบาล

   วิธีการออกแบบ CBDC จะแตกต่างกันไปในแต่ละประเทศที่สร้างมัน ส่วนการใช้งานจะอยู่บนเครือข่ายบล็อกเชนหรือการบันทึกบัญชีแบบกระจายศูนย์รูปแบบอื่นๆ เหรียญ CBDC ที่สร้างอยู่บนบล็อกเชนจะเป็น token ที่เป็นตัวแทนของเงินตราที่รัฐบาลรับรอง

   CBDC อาจถูกสร้างมาโดยได้รับแรงบันดาลใจจากคริปโทเคอร์เรนซีอย่างเช่น บิตคอยน์ แต่มันก็มีความแตกต่างกันอย่างมาก อย่างเช่น CBDC ได้ถูกควบคุมและให้การรับรองให้ใช้งานได้อย่างถูกกฎหมายจากรัฐบาลส่วนคริปโทเคอร์เรนซีอย่างบิตคอยน์นั้นไร้ผู้ควบคุม ไม่มีรัฐบาลหรือเอกชนใดควบคุม ผู้สร้างไร้ตัวตน และ CBDC ก็มีขอบเขตการใช้งาน เพราะถูกรับรองโดยรัฐบาลของแต่ละประเทศ อาจจะมีความเป็นได้ที่จะสามารถใช้งาน CBDC กันข้ามประเทศ แต่บิตคอยน์นั้นไม่สนใจว่าผู้ใช้งานจะอยู่ประเทศใดหรือเป็นใคร

   ธนาคารกลางหลายแห่งได้มีการพิจารณาหรือแม้กระทั่งทดลองใช้ CBDC อย่างเช่นประเทศจีนที่ได้ทำโปรเจคชื่อ DC/EP ซึ่งย่อมาจาก Digital Currency/Electronic payment ตั้งแต่ปี 2014 และหลายๆเมืองในจีนได้ทดลองใช้ ดิจิทัลหยวน ในการใช้จ่าย

 CBDC กับ Blockchain

   จากมุมมองด้านเทคโนโลยี CBDC คือฐานข้อมูลที่ดำเนินการและควบคุมโดยรัฐบาล หรือบริษัทเอกชนที่ได้รับการอนุญาตโดยรัฐบาล ด้วยเหตุนี้เอง CBDC จึงเป็นฐานข้อมูลที่มีเฉพาะคนที่ได้รับอนุญาตเท่านั้นถึงจะสามารถทำธุรกรรมบนเครือข่ายได้ และองค์กรรวมศูนย์ที่มีหน้าที่ควบคุมฐานข้อมูลก็สามารถระงับธุรกรรม ย้อนกลับธุรกรรม อาญัติเงิน หรือระงับบัญชีได้

   CBDC ของแต่ละรัฐบาลอาจจะดำเนินการบนเครือข่ายบล็อกเชนของตนเอง แต่บางรัฐบาลอาจจะดำเนินการบนเครือข่ายบล็อกเชนสาธารณะ ด้วยการทำแบบนี้จะทำให้สามารถสร้างสินทรัพย์ที่ได้รับอนุญาตจากรัฐบาลอยู่บนบล็อกเชนที่มีการกระจายศูนย์และไม่ขึ้นตรงต่อใคร ซึ่งคาดหวังว่าจะมอบสิ่งที่ดีที่สุดจากทั้งสองฝั่ง ทั้งจากการกระจายศูนย์และการรวมศูนย์

   Layer 2 ที่สร้างขึ้นมาจะทำให้รัฐบาลสามารถควบคุมสิ่งต่างๆได้ ส่วน Layer 1 ที่เป็นฐานจะเป็นสิ่งรับรองว่าทั้งเครือข่ายจะปลอดภัยอย่างถึงที่สุดด้วยเทคโนโลยีบล็อกเชน

   นี่คือความเป็นไปได้ แต่ว่าความเป็นจริงอาจจะไม่เป็นเช่นนั้น เพราะปัจจุบันไม่มีบล็อกเชนสาธารณะใดที่มั่นคงมากพอ รวมถึงระยะการพิสูจน์ความปลอดภัยของบล็อกเชนก็ยังสั้นเกินกว่าที่จะใช้งานกับสิ่งสำคัญอย่างเช่นการเงินของประเทศได้

ประโยชน์ของ CBDC

   เราอาจจะเคยได้ยินว่าคริปโทเคอร์เรนซีทำให้คนเข้าถึงการใช้เงินในรูปแบบดิจิทัลมากขึ้น แต่คริปโทเคอร์เรนซียังมีข้อจำกัดอยู่ แต่ CBDC อาจจะมีความสามารถมากพอที่จะทำได้ดีกว่าในเรื่องการใช้งานเป็นเงินดิจิทัล ที่จะสามารถใช้งานได้สะดวกกว่า และทำให้สังคมไร้เงินสดเป็นจริงได้ เพราะประชาชนที่มีสิทธิ์ตามกฎหมายสามารถสร้างบัญชีธนาคารดิจิทัลได้อย่างง่ายดาย

   ประโยชน์อีกอย่างหนึ่งของ CBDC คือความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีที่จะเข้ามาพัฒนาหรือปฏิรูประบบการเงินแบบเดิม ถ้าการจัดสรรงบประมาณของรัฐบาลสามารถทำให้เร็วขึ้น งบประมาณถึงจุดที่ต้องการเร็วขึ้น และตรวจสอบการใช้เงินของภาคส่วนต่างๆในประเทศได้ด้วยเทคโนโลยีบล็อกเชน

   จะเป็นการแก้ปัญหาการคอรัปชั่นในประเทศกำลังพัฒนาได้อย่างดี รวมถึงแก้ปัญหาความล่าช้าของราชการได้ด้วย ในกรณีที่กล่าวมาคือ CBDC นั้นถูกสร้างมาอย่างดีและใช้งานได้จริง

CBDC กับ stablecoins

   หลายๆคนอาจจะคิดว่ามันก็คือ stablecoins หรือเปล่า มันไม่ได้มีอะไรแปลกใหม่? Stablecoins ถูกสร้างมาโดยองค์กรเอกชนโดยการตรึงราคาของคริปโทเคอร์เรนซีให้เท่ากับ 1 ดอลลาร์สหรัฐ โดยการใช้เงินดอลลาร์สหรัฐมาค้ำไว้ เพื่อใช้เป็นตัวแทนของเงินในรูปแบบคริปโทเคอร์เรนซี มันยังไม่ใช่เงิน

แต่ CBDC ที่ถูกสร้างและควบคุมโดยรัฐบาล มันคือเงินจริงๆที่ไม่ได้เป็นตัวแทนของเงิน มันคือเงินที่ได้รับรองโดยรัฐบาลให้ใช้ได้อย่างถูกกฎหมายในรูปแบบดิจิทัล

CBDC กับ Cryptocurrency

   Cryptocurrency อย่างเช่นบิตคอยน์คือระบบการชำระเงินอิเล็กทรอนิกส์ไร้ศูนย์กลาง ซึ่งมันไร้คนกลางคอยควบคุม ไม่ได้ขอบเขตการใช้งานอยู่ในประเทศใดประเทศหนึ่ง ไม่จำเป็นต้องได้รับการอนุญาตจากรัฐบาล และไม่มีใครปิดบัญชีหรือห้ามคุณใช้งานจากการส่งบิตคอยน์จากที่หนึ่งไปอีกที่หนึ่งได้ ซึ่งค่อนข้างตรงกันข้ามกับ CBDC ที่เราได้กล่าวมา

   แล้วแบบใดดีกว่ากัน? มันขึ้นอยู่กับรูปแบบการใช้งานของเรา อย่างเช่นเราส่งบิตคอยน์เพื่อซื้อของอะไรบางอย่าง ซึ่งสามารถทำได้โดยปราศจากคนกลาง แต่ถ้าผู้ที่เราซื้อของด้วยไม่สุจริตกับเรา นำเงินเราไปแล้วหายเข้ากลีบเมฆ

   ต้องยอมรับว่ามันเป็นความผิดพลาดของมนุษย์เอง แต่บางครั้งการใช้ CBDC ก็มีประโยชน์ในสถานการณ์แบบนี้ ที่สามารถระงับธุรกรรม อาญัติเงินได้ ซึ่งผู้ใช้งานเองก็ต้องเลือกการใช้งานให้เหมาะสม บิตคอยน์เหมาะแก่การรักษามูลค่าในด้านต่างๆ แต่ในการใช้งานอย่างเช่นซื้อของเล็กๆน้อยๆมันก็เหมาะสมกว่าที่จะใช้ CBDC หรือแม้กระทั่งใช้เงินสดธรรมดาในการซื้อ

Referrence

https://academy.binance.com/en/articles/central-bank-digital-currencies-cbdc-explained