เมื่อปลายเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา วงการคริปโตสั่นสะเทือนอีกครั้ง หลังจากมีรายงานว่านักลงทุนยุคแรกของบิตคอยน์ ตัดสินใจเทขายเหรียญจำนวนมหาศาลถึง 80,000 BTC ผ่านบริษัท Galaxy Digital คิดเป็นมูลค่าประมาณ 9 พันล้านดอลลาร์ หรือราว ๆ 330,000 ล้านบาท – ถือเป็นหนึ่งในดีลที่ใหญ่ที่สุดเท่าที่เคยมีมา

จุดเริ่มต้นของดีลประวัติศาสตร์

เหรียญล็อตนี้มาจากกระเป๋าเก่าที่ถือมาตั้งแต่ช่วงปี 2009–2011 หรือยุคที่ซาโตชิยัง active อยู่บนบล็อกเชน มีการคาดการณ์ว่า อาจเกี่ยวข้องกับกระเป๋าที่เคยถูกแฮ็กจาก MyBitcoin ในปี 2011 ซึ่งไม่ได้มีความเคลื่อนไหวใด ๆ มานานนับสิบปี จนกระทั่งช่วงกลางเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา มีการเคลื่อนย้ายเหรียญออกจากวอลเล็ต และถูกส่งตรงไปยัง Galaxy Digital เพื่อเตรียมขายแบบ OTC

ตลาดย่อแรงแค่แป๊บเดียว

หลังข่าวออกมา ราคาบิตคอยน์ร่วงลงไปแตะระดับต่ำกว่า $115,000 แต่ไม่ถึงชั่วโมงก็ฟื้นกลับมายืนแถว $117,000 ได้อย่างรวดเร็ว นักวิเคราะห์หลายคนให้ความเห็นไปในทางเดียวกันว่า ดีลนี้แสดงให้เห็นถึงความแข็งแรงของตลาดในปี 2025 อย่างชัดเจน

“การขายครั้งนี้ถูกดูดซับโดยตลาดแทบจะทันที สภาพคล่องในตลาดตอนนี้แน่นพอจะรับมือกับดีลระดับหมื่นล้านได้สบาย ๆ”

Galaxy Digital เองก็โชว์ให้เห็นถึงความสามารถในการจัดการดีลระดับใหญ่ได้อย่างเป็นระบบและมืออาชีพ

ขายเพื่อวางแผนอนาคต ไม่ใช่เทขายทิ้ง

จากรายงานระบุว่า นักลงทุนรายนี้ขายเหรียญครั้งนี้เพื่อ “วางแผนทรัพย์สินในระยะยาว” ไม่ใช่เพราะกลัวตลาดจะพัง หรือหวังจะเทขายออกแบบ panic sell แต่อย่างใด เป็นการจัดพอร์ตตามขั้นตอนปกติของนักลงทุนรายใหญ่ ที่ถือเหรียญไว้หลายสิบปีและเริ่มทยอย take profit

บทเรียนสำหรับสายถือยาว

ดีลนี้ส่งสัญญาณชัดเจนว่า ตลาดบิตคอยน์เติบโตขึ้นมาก ไม่ใช่แค่ในแง่ของมูลค่า แต่รวมถึงโครงสร้างตลาด ความสามารถในการรองรับแรงเทขาย และความเป็นมืออาชีพของผู้เล่นหลัก

ใครที่ถือเหรียญมานานแล้วเคยลังเลว่าจะขายดีไหม – ลองดูเคสนี้เป็นตัวอย่าง การ take profit ไม่ได้หมายถึงหมดศรัทธาในเหรียญ แต่อาจเป็นแค่ “การเคลื่อนพอร์ตไปอีกเฟสหนึ่งของชีวิต” เท่านั้น

Reference:  Cointelegraph