บริษัทซอฟต์แวร์ MicroStrategy (Nasdaq: MSTR) ซึ่งตอนนี้รีแบรนด์ใหม่ในชื่อ Strategy ประกาศเมื่อวันที่ 24 มีนาคม ว่าเพิ่งซื้อ Bitcoin เพิ่มอีก 6,911 BTC เป็นเงินกว่า 584.1 ล้านดอลลาร์ ในช่วงวันที่ 17-23 มีนาคม ที่ผ่านมา

ราคาซื้อเฉลี่ยอยู่ที่ 84,529 ดอลลาร์ต่อ BTC (รวมค่าธรรมเนียมและค่าใช้จ่ายทั้งหมด) โดยเงินลงทุนรอบนี้มาจากการขายหุ้น Class A (MSTR) และหุ้นบุริมสิทธิแบบ 8.00% Series A Perpetual Strike Preferred Stock (STRK) ผ่าน At-The-Market (ATM) Offering

ดีลนี้ทำให้ตอนนี้ Strategy ถือ Bitcoin ในพอร์ตทั้งหมด 506,137 BTC

 ใช้เงินลงทุนรวมไปแล้วกว่า 33.7 พันล้านดอลลาร์ หรือคิดเป็นราคาเฉลี่ย 66,608 ดอลลาร์ต่อ BTC

Michael Saylor ประธานบริหารของบริษัท ออกมาประกาศข่าวนี้บน X ด้วยข้อความว่า:

“MSTR ซื้อเพิ่ม 6,911 BTC มูลค่าราว 584.1 ล้านดอลลาร์ ที่ราคาเฉลี่ย 84,529 ดอลลาร์ต่อ BTC ตอนนี้พอร์ตของ Strategy ถือรวม 506,137 BTC ลงทุนรวม 33.7 พันล้านดอลลาร์ เฉลี่ย 66,608 ดอลลาร์ต่อ BTC พร้อมทำผลตอบแทน BTC Yield ได้ 7.7% แล้วในปี 2025”

ยืนหนึ่งในโลก! ถือ Bitcoin มากที่สุดในบรรดาบริษัทจดทะเบียน

การเข้าซื้อรอบล่าสุดนี้ ยิ่งตอกย้ำสถานะ Strategy ว่าเป็นบริษัทมหาชนที่ถือ Bitcoin มากที่สุดในโลก โดยมี Dashboard ให้เช็กข้อมูลแบบเรียลไทม์บนหน้าเว็บ พร้อมรายงานตัวเลขและข้อมูลสำคัญตามกฎ Regulation Fair Disclosure (FD)

มุมมอง Saylor มั่นใจ Bitcoin ยังไปต่ออีกไกล

Saylor ไม่ได้เล่นแค่ในงบการเงิน แต่ลุยต่อเนื่องในระดับนโยบาย เขาเคยเข้าพบหน่วยงานกำกับดูแลสหรัฐฯ อย่าง SEC Crypto Task Force และ คณะกรรมาธิการบริการการเงินของสภาผู้แทนฯ เพื่อคุยเรื่องกรอบกฎหมายคริปโต

ล่าสุดยังเข้าร่วมงาน White House Crypto Summit ซึ่งจัดโดย อดีตประธานาธิบดี Donald Trump โดยเขาเดินหน้าดัน Bitcoin ให้เป็นหนึ่งในยุทธศาสตร์ระดับชาติ

Saylor มองไกลว่า

  • ราคา Bitcoin อาจไปถึง 13 ล้านดอลลาร์ต่อเหรียญ ภายในปี 2045
  • ในกรณีตลาดขาขึ้น อาจขึ้นไปถึง 49 ล้านดอลลาร์
  • ส่วนกรณีขาลงหนักสุดก็ยังมองไว้ที่ 3 ล้านดอลลาร์

เขายังประเมินว่า Market Cap ของ Bitcoin จะพุ่งไปถึง 200 ล้านล้านดอลลาร์ แล้วโตต่อเนื่องปีละ 20%

 และถ้าสหรัฐฯ มี Strategic Bitcoin Reserve อาจสร้างผลตอบแทนให้คลังสหรัฐฯ ได้ราว 16-81 ล้านล้านดอลลาร์ ภายในปี 2045 มากพอที่จะช่วยโปะหนี้สาธารณะของประเทศเลยทีเดียว

Reference : Bitcoin News