ในโลกของคริปโทเคอร์เรนซีมีเหตุการณ์สำคัญอันดับต้นๆอย่างหนึ่งคือ Bitcoin Halving ที่จะเกิดขึ้นประมาณทุกๆ 4 ปี ซึ่งมีผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญต่อสภาพแวดล้อมของคริปโทเคอร์เรนซีทั้งหมด ไม่ว่าจะในแง่ดีหรือแง่ร้าย เพื่อจะทำให้เข้าใจความสำคัญของ Bitcoin Halving เราจะมาอธิบายว่ามันคืออะไร และทำไมผู้คนจำนวนมากจึงให้ความสำคัญกับมัน

.

Bitcoin Halving คืออะไร

Bitcoin Halving หรือที่เรียกกันสั้นๆว่าการ Halving หมายถึงกระบวนการที่โค้ดของบิตคอยน์ได้กำหนดไว้ล่วงหน้าให้ทุกๆครั้งที่บิตคอยน์ขุดครบ 210,000 บล็อก (ประมาณ 4 ปี) จะเกิดการลดรางวัลจากการขุดลงครึ่งหนึ่ง กระบวนการนี้ได้รับการออกแบบมาเพื่อควบคุมการสร้างบิตคอยน์ใหม่ให้มีจำนวนลดลงเรื่อยๆ ทำให้มั่นใจได้ว่าอุปทานของ BTC จะมีจำนวนที่จำกัด (ไม่เกิดเงินเฟ้อ)

ใน white paper ของบิตคอยน์ที่เป็นเอกสารแนะนำพื้นฐานและแนวทางของบิตคอยน์ ซึ่งเผยแพร่โดยบุคคลในนามแฝง Satoshi Nakamoto ในปี 2008 ระบุไว้ว่าบิตคอยน์จะมีจำนวนจำกัดอยู่ที่ 21 ล้านเหรียญ กลไกนี้ทำขึ้นมาเพื่อป้องกันภาวะเงินเฟ้อและเลียนแบบความหายากแบบเดียวกับทองคำ มีเป้าหมายเพื่อสร้างสกุลเงินที่มีศักญภาพในการรักษามูลค่าและแข็งค่าขึ้นเมื่อเวลาผ่านไป

ดังนั้น Halving จึงมีบทบาทสำคัญในการควบคุมอัตราการหมุนเวียนของบิตคอยน์ ในเริ่มแรกที่บิตคอยน์เกิดขึ้นในปี 2009 นักขุดจะได้รับ 50 BTC เป็นรางวัลสำหรับแต่ละบล็อกที่ขุดได้ จนกระทั่งเกิดการ Halving ครั้งแรกเมื่อปี 2012 ลดรางวัลการขุดลงเหลือ 25 BTC ครั้งต่อไปในปี 2016 และ 2020 ลดลงเป็น 12.5 และ 6.25 BTC ตามลำดับ ซึ่งการ Halving ครั้งถัดไปจะเกิดขึ้นในเดือนเมษายน 2024 ทำให้รางวัลการขุดลดลงเหลือ 3.125 BTC

.

จะเกิดอะไรขึ้นกับ Bitcoin หลังจากการ Halving

หลังจากการ Halving แล้ว BTC ที่เราถืออยู่จะไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง การ Halving ไม่ได้ส่งผลกระทบโดยตรงต่อจำนวนเหรียญบิตคอยน์ที่ถูกสร้างขึ้นมาแล้ว แต่จะส่งผลกระทบทางอ้อมต่อราคาของบิตคอยน์และคริปโทเคอร์เรนซีโดยรวม ซึ่งเป็นเหตุผลว่าทำไมนักลงทุน นักเทรด และผู้ที่อยู่ในแวดวงคริปโทเคอร์เรนซีให้ความสำคัญกับการ Halving

.

ทำไมการ Halving ถึงสำคัญและควรใส่ใจ

1.การเปลี่ยนแปลงของอุปสงค์และอุปทาน

เนื่องจากการ Halving ลดอัตราการสร้างบิตคอยน์ใหม่ๆออกมา การเพิ่มอุปทานหรือ supply ก็จะถูกจำกัดให้ลดลง ซึ่งจะส่งผลต่อจุดดุลยภาพระหว่างอุปสงค์และอุปทาน อาจนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงมูลค่าของบิตคอยน์ในที่สุด เพราะหลักการทางเศรษฐศาสตร์บอกไว้ว่าเมื่ออุปทานของสินค้าลดลงในขณะที่อุปสงค์เท่าเดิมหรือเพิ่มขึ้น มูลค่าของสินค้ามีแนวโน้มที่จะเพิ่มขึ้น ทำให้ผู้คนจำนวนมากคาดหวังว่าราคาของบิตคอยน์จะเพิ่มขึ้นหลังจากการ Halving

2.ความผันผวนของตลาด

ในอดีตหลายครั้งที่การ Halving ก่อให้ความผันผวนที่มากขึ้นในตลาดคริปโทเคอร์เรนซี นักเทรดและนักลงทุนที่ติดตามการเปลี่ยนแปลงของตลาดอย่างใกล้ชิด ได้คาดการณ์สถานการณ์ที่จะเกิดขึ้นหลังจากการ Halving โดยพยายามคาดการณ์ผลกระทบต่อราคาของบิตคอยน์ ความคาดหวังนี้มักทำให้เกิดความผันผวนของราคาและการซื้อขายที่เพิ่มมากขึ้น ตั้งแต่ช่วงก่อน Halving จนหลัง Halving ผ่านไปแล้ว

3.ผลกระทบต่อนักขุด

เนื่องจากรางวัลสำหรับการขุดบล็อกใหม่ลดลงครึ่งหนึ่ง ความสามารถในการทำกำไรของการขุดของบิตคอยน์จึงได้รับผลกระทบโดยตรง การลดรางวัลการขุดอาจทำให้เกิดความท้าทายสำหรับนักขุด โดยเฉพาะอย่างยิ่งนักขุดที่มีต้นทุนที่สูง ไม่ว่าจะเป็นค่าเครื่องขุด ค่าพลังงาน นักขุดต้องประเมินความเป็นไปได้ของการทำกำไรหลังจากการ Halving และปรับกลยุทธ์ให้เหมาะสม

4.การพัฒนาเทคโนโลยีและชุมชน

Bitcoin Halving เป็นเหตุการณ์สำคัญที่กระตุ้นให้เกิดการพูดคุยและถกเถียงภายในชุมชนคริปโทเคอร์เรนซี สนับสนุนให้นักพัฒนาและผู้มีส่วนได้ส่วนเสียร่วมกันพัฒนานวัตกรรมใหม่ๆเข้ามาเปลี่ยนแปลงบิตคอยน์ การขับเคลื่อนความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีนี้มักจะนำไปสู่การพัฒนาเครื่องมือ โปรโตคอล และความคิดริเริ่มใหม่ๆ ที่จะเข้ามาพัฒนาเรื่องการรองรับผู้คนจำนวนมาก ประสิทธิภาพ และความปลอดภัยของเครือข่ายบิตคอยน์ ซึ่งท้ายที่สุดแล้วจะเป็นการส่งเสริมความยั่งยืนและการเติบโตในระยะยาว

5.การลงทุนระยะยาว

สำหรับนักลงทุนระยะยาว Bitcoin Halving ถือเป็นเหตุการณ์สำคัญที่เน้นย้ำว่าบิตคอยน์จะไม่เกิดภาวะเงินเฟ้อ ทำให้บิตคอยน์เป็นสินทรัพย์ที่มีศักยภาพในการเป็นตัวสะสมมูลค่า ทำให้บิตคอยน์เป็นเครื่องป้องกันความเสี่ยงจากภาวะเงินเฟ้อและความไม่มั่นคงทางการเงิน และสามารถดึงดูดนักลงทุนและสถาบันที่สนใจเข้ามาลงทุน

Reference : Binance Academy