ตลาดขาลงคืออะไร ?

ตลาดขาลงคือช่วงที่ตลาดมีความเสี่ยงสูง และมีความยากในการเทรดเพื่อทำกำไร สภาวะตลาดแบบนี้สามารถทำให้เกิดการสูญเสียทั้งเงินทุนและสภาพจิตใจ ทำให้นักลงทุนกลัวในการเข้าเทรด

มีคำพูดเปรียบเปรยถึงช่วงขาลงนี้ว่า “เวลาขึ้น ขึ้นทางบันได แต่เวลาลง ลงทางลิฟต์” หมายความว่าเวลาราคาขึ้นจะขึ้นช้าๆขึ้นทีละไม่มาก แต่เวลาลงจะลงแบบรวดเร็วและรุนแรง ที่เป็นแบบนี้เพราะว่าเวลาที่ราคาเริ่มร่วง นักลงทุนหลายคนจะรีบเทขายเพื่อเก็บเงินสดไว้ในมือ หรือ cut loss เพราะกลัวจะขาดทุนมากกว่าเดิม และเมื่อเกิดการเทขาย ตลาดก็เป็นเหมือนโดมิโน ที่ทุกคนเทขายตามๆกันเพราะเห็นราคาที่ร่วงหล่น

[ตลาดหมีคืออะไร ?]

จะรู้ได้ไงว่าอยู่ในช่วงขาลง

สามารถดูได้ด้วยการวิเคราะห์กราฟแบบ Dow Theory เมื่อราคาในเทรนด์ใหญ่ขึ้นไปทำจุดสูงสุด แล้วลดลงมาทำจุดต่ำสุด แล้วจุดสูงสุดในครั้งถัดไปต่ำกว่าจุดสูงสุดแรก ต่อจากนั้นราคาลดลงมาทำให้จุดต่ำสุดต่ำกว่าจุดต่ำสุดก่อนหน้า จะถือว่าตลาดเข้าสู่ช่วงขาลง ซึ่งเราต้องมอง Time frame ใหญ่ๆ จะมีความชัดเจนมากขึ้น

5 เคล็ดลับเอาตัวรอด

ลงทุนแค่ในส่วนที่เสียได้

คริปโทเคอร์เรนซียังเป็นของใหม่ มันอยู่ในช่วงลองผิดลองถูก มีโปรเจคมากมายที่ไม่ได้ไปต่อ ด้วยปัจจัยต่างๆเช่น ความปลอดภัย โดนแฮค โดนทุบ ซึ่งต้องยอมรับว่าคริปโทฯมีความเสี่ยงและความผันผวนที่สูง เราไม่ควรลงทุนจำนวนมากเกินกว่าจำนวนที่เราเสียได้ รวมถึงไม่ควรนำเงินเก็บทั้งชีวิตมาลงทุนในคริปโทเคอร์เรนซีแม้ในกรณีใดก็ตาม

ศึกษาข้อมูลเหรียญก่อนลงทุน

ทุกๆเครือข่ายบล็อกเชน ทุกๆเหรียญคริปโทฯถูกสร้างขึ้นมาด้วยเหตุผลใดเหตุผลหนึ่ง เช่นแก้ปัญหา pain point ในชีวิตประจำวัน เพื่อความบันเทิง เพื่อใช้ประโยชน์ภายในเครือข่ายบล็อกเชนเอง ซึ่งแต่ละโปรเจคที่ถูกสร้างขึ้นมามันมีโอกาสเติบโตได้ในอนาคตเพราะมันมีประโยชน์จริงๆ แต่บางโปรเจคก็สร้างขึ้นมาตามกระแส ไม่ได้มีประโยชน์อะไรจริงๆ

ในช่วงตลาดขาขึ้น คริปโทฯทุกโปรเจคสามารถราคาพุ่งได้เหมือนกันหมด แม้คริปโทฯนั้นจะเป็นเหรียญมีมสร้างขึ้นมาขำๆ แต่ในช่วงตลาดขาลงคริปโทฯที่ไม่ได้มีประโยชน์ดีๆจะร่วงอย่างรุนแรง บางทีมูลค่าเหรียญอาจจะหายหมดไปเลยก็ได้ แต่สำหรับบางเหรียญที่ผู้คนจำเป็นต้องใช้บ่อยๆราคาอาจลดไม่เท่าเหรียญที่กล่าวถึงก่อนหน้า เช่น btc eth bnb

ดังนั้นการศึกษาคริปโทฯที่จะลงทุนจึงเป็นเรื่องสำคัญ ดูว่าเหรียญนั้นมีประโยชน์หรือไม่ ใช้ทำอะไรได้ รวมถึงเรื่องความปลอดภัยและความโปร่งใสของทีมสร้าง

[Cryptocurrency Whitepaper คืออะไร สำคัญอย่างไร]

ฟังความคิดตัวเอง

ในโซเชี่ยลมีเดียอย่างเช่น เฟสบุ๊ค ทวิตเตอร์ มีแหล่งความรู้และข่าวสารมากมาย มีกลุ่มสำหรับชาวคริปโทฯไว้พูดคุยกัน มีคนแนะนำอะไรต่างๆมากมาย เช่น เหรียญใหม่ๆ โปรเจค DeFi ที่กำลังบูม

ทุกคนแนะนำด้วยความหวังดี แต่ไม่ได้หมายความว่าเราควรรับคำแนะนำของทุกคนไปทำตาม เพราะเวลาเสียเราเสียคนเดียว คนที่แนะนำเราไม่ได้เสียด้วย ดังนั้นเราจึงควรศึกษาเอง วางแผนการลงทุนของเราเอง และทำตามแผนนั้นให้ได้ แค่นี้ก็พอแล้ว

และคำพูดที่ว่าไม่ขายไม่ขาดทุนที่เรามักเห็นบ่อยๆนั้นไม่ใช่ความจริง เพราะระหว่างที่รอเหรียญราคากลับขึ้นมา เราก็มีค่าเสียโอกาสที่สามารถนำเงินก้อนนั้นไปทำอย่างอื่นได้

รับพอร์ต

เมื่อคริปโทฯอยู่ในช่วงขาลง เราไม่จำเป็นต้องถือเหรียญไปเรื่อยๆ เราสามารถหาจุดขายดีๆขายออกมาก่อนที่มันจะร่วงหนัก เราสามารถปรับพอร์ตการลงทุนของเรา เช่นซื้อ BTC เก็บในช่วงขาลง เพราะ BTC จะลงเบากว่า alt coin การถือ BTC จึงมีความมั่นคงกว่า หรืออีกวิธีคือการถือเงินสดไว้ รอตลาดขาลงใกล้จบ แล้วเราค่อยเข้าซื้อตอนนั้น

รอซื้อของถูก

ในช่วงขาลงของคริปโทเคอร์เรนซี ราคาจะลดลงจากจุดสูงสุด 60-70% ถ้าเรามองเห็นโอกาสในคริปโทฯเหรียญใดเหรียญหนึ่ง นั่นคือโอกาสในการในการซื้อของถูก และเฝ้ารอเวลาที่ราคาเหรียญจะขึ้นในอนาคต ซึ่งสิ่งที่ต้องระวังคือราคาตอนนั้นอาจจะลงได้อีก ดังนั้นเราจึงต้องใช้การวิเคราะห์ช่วยในการตัดสินใจหาจุดเข้าซื้อ