Bitcoin Halving คืออะไร
Bitcoin มีจำนวนจำกัดอยู่ที่ 21 ล้านเหรียญ ถ้าเหรียญทั้งหมดถูกสร้าง (หรือจะเรียกว่าถูกขุด) ออกมาทั้งหมดแล้ว ระบบเครือข่ายของ Bitcoin จะหยุดการสร้างเหรียญใหม่ในทันที ซึ่งนี่เป็นสิ่งที่ Satoshi Nakamoto ได้ออกแบบมาตั้งแต่แรก
นี่เป็นเหตุผลหลักที่มีคนมักเรียก Bitcoin ว่า “ทองคำดิจิทัล” เพราะทั้งทองและ Bitcoin ต่างก็มีจำนวนจำกัดในโลก ภายในวันใดวันหนึ่งก็ต้องขุดพบจนหมดเหมือนกัน
ในตอนนี้ BTC ถูกขุดพบออกมาแล้วมากกว่า 19 ล้านเหรียญ ซึ่งถือว่าขุดออกมาเป็นจำนวนมากแล้ว แต่ก็ไม่ได้หมายความว่า BTC จะถูกขุดพบทั้งหมดในเร็วๆนี้ สาเหตุเป็นเพราะว่าระบบที่ถูกวางเอาไว้ตั้งแต่เริ่มของ Bitcoin
กำหนดไว้ว่าทุกๆ 210,000 บล็อก ที่ถูกสร้างขึ้นมา จะเกิดการลดการขุดพบ BTC ลงครึ่งหนึ่ง หรือที่เรียกกันว่า “halving” ซึ่ง 210,000 บล็อกนี้คือระยะเวลาประมาณ 4 ปี เช่นการ halving ครั้งล่าสุดในปี 2020 ทำให้นักขุด ขุดพบ BTC ครั้งละ 6.25 เหรียญ ลดลงจากปีก่อนหน้านั้นที่ 12.5 เหรียญ
[การขุด Bitcoin คืออะไร และมีการทำงานอย่างไร ?]
นักขุดจะได้รับ BTC จำนวนเท่าไร หลังจากการ Halving ครั้งถัดไป?
การ halving ครั้งถัดไปจะเกิดขึ้นในปี 2024 ซึ่งนักขุดจะได้รับ 3.125 BTC ต่อบล็อก
ตอนแรกที่ Bitcoin ถือกำเนิดขึ้นในปี 2009 นักขุดจะขุดพบ BTC ได้ครั้งละ 50 BTC ต่อบล็อก นั่นหมายความว่า BTC จำนวน 10,500,000 เหรียญได้ถูกสร้างขึ้นมาภายใน 4 ปีแรก ก่อนจะเกิดการ halving ครั้งแรกในปี 2012 ซึ่งนักขุดจะได้รับ BTC ลดลงเหลือ 25 BTC ต่อบล็อก
ซึ่งจำนวน 50 BTC ต่อบล็อกอาจมองว่าเป็นจำนวนที่มาก (มากๆ) ในปัจจุบัน แต่ในเวลานั้นเครือข่ายของ Bitcoin เพิ่งเริ่มก่อร่างสร้างตัว มูลค่าตลาดของ Bitcoin ยังต่ำมาก การขุดพบ 50 BTC อาจไม่ใช่เรื่องใหญ่ในยุคนั้น บางคนก็นำ BTC 10 กว่าเหรียญไปซื้อพิซซ่าก็มี ซึ่งไม่มีใครที่จะรู้อนาคตว่า Bitcoin จะมีมูลค่าสูงแบบในปัจจุบัน
การ halving ครั้งที่ 2 เกิดขึ้นในปี 2016 เมื่อ Bitcoin ถูกสร้างมาครบ 420,000 บล็อก ทำให้นักขุดได้รับ 12.5 BTC ในแต่ละบล็อก ส่วนในครั้งที่ 3 เกิดขึ้นในปี 2020 นักขุดได้รับ 6.25 BTC ต่อบล็อก แต่ช่วงนั้นก็เป็นช่วงที่ Bitcoin กำลังบูมมากๆพอดี
Halving ครั้งสุดท้าย
การ halving ครั้งสุดท้ายจะเกิดขึ้นในปี 2140 หรือในอีกร้อยกว่าปีข้างหน้า เมื่อ BTC ได้ถูกขุดออกมาจนครบ 21 ล้านเหรียญ เมื่อวันนั้นมาถึง นักขุดจะไม่ได้รับ Block reward แต่จะได้รับเพียงค่า fee ที่ผู้ทำธุรกรรมจ่ายให้เพียงอย่างเดียว
การ halving ส่งผลกระทบอย่างไรบ้าง?
เนื่องจากการ halving ของ Bitcoin เป็นเหตุการณ์สำคัญที่ส่งผลกระทบต่อผู้ที่เกี่ยวข้องอย่างมีนัยสำคัญ โดยผู้ที่ได้รับผลกระทบได้แก่
นักลงทุน
โดยปกติแล้วการ halving จะทำให้ราคาของ Bitcoin สูงขึ้น เนื่องจากการสร้างเหรียญมีปริมาณลดลง และความต้องการซื้อที่เพิ่มขึ้น หมายความว่านักลงทุนได้รับผลกระทบที่ดีจากการ halving ปริมาณการเทรดเพิ่มขึ้นหลังจาก halving แต่การเพิ่มขึ้นของราคา Bitcoin มีความไม่แน่นอนอยู่ เช่น สภาวะของตลาด สภาวะเศรษฐกิจของโลก
นักขุด Bitcoin
แน่นอนว่าการ halving ส่งผลกับนักขุด Bitcoin โดยตรง นักขุดจะได้รับ BTC น้อยลงในแต่ละบล็อก แต่กลับกันที่ราคาของ Bitcoin ที่เพิ่มขึ้น ส่งผลให้ผลตอบแทนของนักขุดมีความผันผวนเพิ่มมากขึ้น นักขุดที่จะอยู่ได้อย่างยั่งยืนจำเป็นต้องมีเครื่องขุดที่มีประสิทธิภาพสูง เมื่อนำจำนวน BTC ที่ขุดได้มาเทียบกับค่าไฟ และต้นทุนอื่นๆ
ราคาของ Bitcoin จะเปลี่ยนแปลงอย่างไร?
โดยพื้นฐานแล้วการ halving ของ Bitcoin จะเป็นการลดอุปทานของ Bitcoin ทำให้มันมีความหายากขึ้น ถ้ามีความต้องการซื้อ ราคาก็จะเพิ่มขึ้น
ในประวัติราคาของ Bitcoin การ halving ครั้งแรกเมื่อช่วงปลายปี 2012 ทำให้ราคาของ Bitcoin ขยับสูงขึ้น จาก 11 USD ขึ้นมาสูงถึง 1038 USD ในปีถัดไป
และอีกประมาณ 4 ปีถัดมา ในปี 2016 1 เดือนก่อนที่จะเกิดการ halving ราคาของ Bitcoin มีแนวโน้มเป็นขาขึ้น ราคาเพิ่มขึ้นจาก 576 USD มาเป็น 650 USD ในวันที่เกิดการ halving ครั้งที่ 2
และในปีถัดไปราคาของ Bitcoin ก็พุ่งขึ้นมาที่ 2526 USD โดยในปี 2020 ก็เหมือนกันที่ราคาของ Bitcoin ได้พุ่งทะยานขึ้น ซึ่งเป็นรูปแบบดังกราฟด้านล่าง
รูปภาพจาก buybitcoinworldwide.com
แต่การ halving แต่ละครั้งก็ก่อให้เกิดความผันผวนของราคาสูง ไม่มีใครสามารถการันตีได้ว่าราคาของ BTC จะขึ้นทุกครั้ง ทางเราจึงแนะนำว่าควรลงทุนอย่างระมัดระวัง มีวิจารณญาณ และบริหารความเสี่ยงให้เหมาะสม
Reference : www.investopedia.com , cointelegraph.com