ปริมาณกำลังประมวลผลของคอมพิวเตอร์ที่อยู่ในเครือข่ายบิตคอยน์ ที่ได้มาจากกระบวนการขุดบิตคอยน์ เรียกกันว่า hash rate ของบิตคอยน์

มันมาจากคำว่า hash ที่มีความหมายคือ กลุ่มของตัวเลขและตัวอักษรที่มีความยาวคงที่ ที่ถูกแปลงมาจากข้อมูลต้นฉบับ โดยข้อมูลที่ถูกแปลงเป็น hash แล้วจะไม่สามารถย้อนกลับไปเป็นข้อมูลเดิมได้ หรือที่เรียกกันว่า hashing

Hash rate กับ Blockchain

เทคโนโลยีบล็อคเชนคือเทคโนโลยีเบื้องหลังของบิตคอยน์และคริปโทเคอร์เรนซีอื่นๆ ด้วยการนำข้อมูลธุรกรรมต่างๆมาบรรจุลงใน “บล็อก” โดยเทคโนโลยีบล็อคเชนสามารถทำให้ข้อมูลที่อยู่ในรูปแบบของบล็อกเหล่านี้ให้มีความปลอดภัยและต้านทานการโจมตีได้เป็นอย่างดี ด้วยการนำบล็อกของข้อมูลมาเรียงร้อยต่อกัน บล็อกหนึ่งเชื่อมกับอีกบล็อกหนึ่ง ซึ่งตรงนี้เองที่ hash rate เข้ามาเกี่ยวข้อง

เพราะการจะเรียงร้อยบล็อกของข้อมูลให้เชื่อมต่อกัน ต้องมีการยืนยันความถูกต้องเสียก่อน โดยนักขุดต้องใช้กำลังประมวลผลมาทำการหา hash ที่ถูกต้อง (เครือข่ายบิตคอยน์จะกำหนดมา) เมื่อหาค่า hash ที่ถูกต้องได้จะถือว่าเป็นการยืนยันบล็อกของข้อมูลบนเครือข่าย และความเร็วในการหา hash นี้จึงเรียกว่า hash rate ซึ่งผู้ที่สามารถยืนยันธุรกรรมได้จะได้รับ Block Reward ไป

โดยที่บิตคอยน์ได้รับการออกแบบมาให้ถูกขุดพบเป็นจำนวนคงที่ เวลาในการขุดพบคงที่ (ประมาณ 10 นาทีต่อครั้ง) หมายความว่ายิ่งนักขุดมี hash rate มาก ก็ยิ่งมีโอกาสได้รับผลตอบแทนมากขึ้นนั่นเอง และ hash rate ยังทำให้นักขุดสามารถคำนวณรายได้จากการขุดคร่าวๆได้ เพราะตอนนี้ในตลาดเครื่องขุด มีเครื่องขุดต่างรุ่นต่างราคากัน ยิ่งเครื่องที่มี hash rate สูงก็ยิ่งมีราคาแพง แต่ผลตอบแทนก็สูงขึ้นเช่นกัน

Hash rate มีความสำคัญอย่างไร

hash rate คือตัวบ่งชี้ที่สำคัญที่แสดงถึงความมั่นคงของเครือข่ายและความปลอดภัย

เมื่อมีนักขุดในระบบมากขึ้น จำนวน hash rate ในระบบก็เพิ่มขึ้นตาม เนื่องจากนักขุดแต่ละคนก็ต่างต้องการสร้างรายได้ให้กับตนเอง (มีเครื่องขุดอยู่ในระบบมากขึ้น) และการที่มี hash rate อยู๋ในระบบจำนวนมาก มันจะเป็นการเพิ่มความยากลำบากให้กับผู้ที่ต้องการทุจริตต่อเครือข่ายด้วยเช่นกัน

ซึ่งเครือข่ายบล็อกเชนมีเงื่อนไขสำคัญอยู่ข้อหนึ่งที่ทำให้คนๆนั้นมีอำนาจในการเปลี่ยนแปลงธุรกรรมของตัวเองได้ตามใจชอบ เช่น ยกเลิกธุรกรรมของตัวเองที่ทำไปแล้ว นั่นคือนักขุดผู้นั้นต้องมีกำลังประมวลผล hash rate มากกว่าครึ่งหนึ่งของเครือข่าย

จะเกิดอะไรขึ้นหาก Hash rate ของ Bitcoin ต่ำลง

hash rate ที่ต่ำลงส่งผลให้ความเสี่ยงของการโจรกรรม-ทุจริตเพิ่มมากขึ้น เช่นหนึ่งในการโจรกรรมที่อาจเกิดขึ้นได้คือ 51% attack (การโจมตีเครือข่ายด้วยการทำให้ผู้ตรวจสอบคนหนึ่งมีกำลัง hash rate มากกว่า 50 % เมื่อกำลัง hash rate ในเครือข่ายโดยรวมลดลงทำให้การที่จะมีกำลัง hash rate มากกว่า 50% ง่ายมากขึ้น) รวมถึง hash rate ที่ต่ำลงยังทำให้การกระจายศูนย์ของ Bitcoin ต่ำลงด้วย ซึ่งเป็นการเพิ่มความเสี่ยงให้กับเครือข่ายด้วยเช่นกัน

ซึ่งคริปโทเคอร์เรนซีที่ใช้ Proof of work จะมีลักษณะแบบนี้เช่นกัน ที่กำลัง hash rate ยิ่งสูงยิ่งดี เช่น ความปลอดภัยและความมีเสถียรภาพของเครือข่ายเพิ่มมากขึ้น แต่ก็ทำให้ต้นทุนเพิ่มขึ้นด้วยเช่นกัน

Hash rate ทำงานอย่างไร

hash rate มีความหมายว่าใน 1 วินาทีคอมพิวเตอร์สามารถทำการคำนวณแล้วหา hash ออกมาได้จำนวนเท่าใด ซึ่ง hash rate สามารถอยู่ในหลักร้อยล้าน พันล้าน หรือล้านล้าน ยกตัวอย่างเช่น เครื่องขุดเครื่องหนึ่งมี hash rate เท่ากับ 1ฺ BH/s หมายความว่าใน 1 วินาทีเครื่องขุดสามารถทำการหา hash ได้ 1 ล้านคำตอบ

ซึ่ง Bitcoin มีฟังก์ชันการ hash ที่ชื่อว่า SHA-256 โดยมีลักษณะคือจะทำการเปลี่ยนแปลงข้อมูลต้นฉบับใดๆให้อยู่ในรูป 256 bit และไม่สามารถย้อน hash กลับไปเป็นข้อมูลต้นฉบับได้

Hash rate ส่งผลต่อรายได้จากการขุด Bitcoin อย่างไร

ปัจจัยหลักที่ส่งผลกระทบต่อรายได้จากการขุดบิตคอยน์ได้แก่ กำลังประมวลผล กำไรจากการขุด และค่า Difficulty ของเครือข่าย

โดยค่า Difficulty สามารถเป็นตัวแทนของกำลังประมวลผลทั้งหมดในเครือข่าย เพราะว่ายิ่งกำลังประมวลผลสูง ค่า Difficulty ก็จะเพิ่มขึ้นเช่นกัน ซึ่งค่า Difficulty ที่สูงขึ้นจะทำให้รายได้จากการขุดบิตคอยน์ลดลง แต่นักขุดไม่ต้องเป็นห่วงว่ารายได้จากการขุดจะลดลงอย่างต่อเนื่อง เพราะว่ายิ่งกำลังประมวลผลในเครือข่ายมีมากเท่าใด มูลค่าของบิตคอยน์ก็มีค่าเท่านั้น ในอนาคต Bitcoin จะมีมูลค่ามากกว่านี้และทำให้นักขุดได้รับกำไรเพิ่มขึ้น

Reference : https://cointelegraph.com/explained/what-is-bitcoin-hash-rate-and-why-does-it-matter