Robbie Mitchnick หัวหน้าฝ่ายสินทรัพย์ดิจิทัลของ BlackRock บริษัทยักษ์ใหญ่ด้านการบริหารสินทรัพย์ระดับโลก กล่าวในงาน Token2049 ว่ามุมมองของสถาบันที่มีต่อบิตคอยน์ (BTC) อาจ “เปลี่ยนหน้ามือเป็นหลังมือ” หากเหรียญนี้พิสูจน์ได้ว่า เคลื่อนไหวอย่างเป็นอิสระจากหุ้นเทคโนโลยี ที่มักถูกมองว่าเป็น “สินทรัพย์เสี่ยง”

เขาชี้ให้เห็นว่า:

“ความสัมพันธ์ระหว่างบิตคอยน์กับหุ้นเทค จะเป็นตัวแปรสำคัญที่สุด ถ้าบิตคอยน์เคลื่อนไหวเหมือนหุ้นเทค…มันก็จะไม่น่าสนใจสำหรับสถาบันเท่าไหร่”

Mitchnick ยังขยายความว่า จุดชี้ชะตาของ BTC อยู่ที่ การทำหน้าที่เป็นสินทรัพย์ป้องกันความเสี่ยง โดยเฉพาะในสถานการณ์ตลาดตกแรงหรือเกิด “เหตุการณ์หางซ้าย” (left tail events) ซึ่งหมายถึงเหตุการณ์ลบที่รุนแรงและเกิดไม่บ่อย เช่น วิกฤตเศรษฐกิจหรือความวุ่นวายทางภูมิรัฐศาสตร์

“ถ้า BTC เคลื่อนไหวในทางตรงกันข้ามกับเหตุการณ์แบบนั้น มันอาจกลายเป็นสินทรัพย์สำคัญในพอร์ตของนักลงทุนสถาบัน”

จากคำถามว่า “มันเสี่ยงเกินไปหรือเปล่า” กลายเป็น “มันเสี่ยงไหมถ้าเรา ไม่ถือเลย?”

Mitchnick ทิ้งท้ายด้วยคำพูดที่เรียกเสียงฮือฮาในวงการว่า:

“บทสนทนาจะเปลี่ยนจาก ‘นี่มันเสี่ยงเกินไปไหม?’ ไปเป็น ‘หรือจริงๆ แล้ว…เราเสี่ยงอยู่เพราะ ไม่ถือมันเลย?’”

คำพูดของเขาถูกปล่อยออกมาท่ามกลางช่วงที่ BTC เริ่มแสดงสัญญาณ แยกตัวออกจากตลาดหุ้น (decoupling) โดยนักลงทุนบางรายเชื่อว่าบิตคอยน์เริ่มพัฒนาเป็น “สินทรัพย์เก็บมูลค่าที่มีความผันผวนน้อยลง” และอาจกลายเป็นตัวเลือกเชิงกลยุทธ์ระยะยาวแทนการเก็งกำไร

แบล็คร็อกเดินเกมใหญ่ในคริปโต

ภายใต้การนำของ Larry Fink ซีอีโอที่เคยตั้งข้อสงสัยในคริปโต แต่ตอนนี้เปลี่ยนใจเต็มตัวว่า BTC คือ “ทองคำดิจิทัล” BlackRock เปิดตัว iShares Bitcoin Trust (IBIT) เมื่อเดือนมกราคม 2024 ซึ่งต่อมากลายเป็น ETF ที่เติบโตเร็วที่สุดในประวัติศาสตร์

Fink ยังเคยกล่าวไว้อย่างชัดเจนเมื่อต้นปี 2025 ว่า:

“ถ้ากองทุนความมั่งคั่งของรัฐ (sovereign wealth funds) เพียง 2–5% หันมาลงทุนใน BTC มูลค่าของมันอาจพุ่งไปแตะ $700,000 ได้”

Reference : Bitcoin News