สำหรับคนที่เข้ามาในวงการเทรดและการลงทุนใหม่ๆ พอเห็นกราฟแล้วอาจจะดูงงๆ ซึ่งบางคนเลือกที่จะใช้สัญชาตญาณในการเทรด การใช้สัญชาตญาณแบบนี้ก็ใช้ได้ผลเป็นบางครั้งในช่วงตลาดขาขึ้น แต่มันมีแนวโน้มที่จะล้มเหลวในระยะยาว
โดยพื้นฐานแล้ว การเทรดและการลงทุนเป็นเรื่องของความน่าจะเป็นและการบริหารความเสี่ยง ดังนั้นการอ่านกราฟแท่งเทียนจึงมีความสำคัญต่อรูปแบบการลงทุนเกือบทุกรูปแบบ
กราฟแท่งเทียนคืออะไร
กราฟแท่งเทียน คือกราฟที่เกี่ยวข้องกับการเงินประเภทหนึ่งที่แสดงการเคลื่อนไหวของราคาสินทรัพย์ในกรอบเวลาที่กำหนดออกมาเป็นรูปภาพเหมือนแท่งเทียน ซึ่งแท่งเทียนหนึ่งจะแสดงถึงกรอบระยะเวลาเท่าใดก็ได้ ตั้งแต่วินาทีไปจนถึงปี
กราฟแท่งเทียนมีอายุย้อนกลับไปได้ประมาณศตวรรษที่ 17 เครดิตการคิดค้นกราฟแท่งเทียนเป็นของพ่อค้าข้าวชาวญี่ปุ่นชื่อ Homma ความคิดของเขาเป็นรากฐานให้กับกราฟแท่งเทียนในปัจจุบัน ซึ่งมันได้รับการขัดเกลาโดยหลายๆคน หนึ่งในนั้นคือ Charles Dow บิดาแห่งการวิเคราะห์ทางเทคนิคสมัยใหม่
แม้ว่ากราฟแท่งเทียนจะสามารถใช้เพื่อวิเคราะห์ข้อมูลประเภทอื่นๆได้ แต่ส่วนใหญ่จะใช้ในการวิเคราะห์ตลาดการเงิน มันเป็นเครื่องมือที่ช่วยให้นักเทรดประเมินความน่าจะเป็นของราคาที่เคลื่อนไหว ซึ่งมันมีประโยชน์เนื่องจากทำให้นักเทรดและนักลงทุนสามารถสร้างแนวทางของตัวเองโดยอิงจากการวิเคราะห์ตลาด
กราฟแท่งเทียนมีลักษณะยังไง
ราคาเปิด – ราคาซื้อขายแรกของสินทรัพย์ภายในกรอบเวลานั้น
ราคาสูงสุด – ราคาซื้อขายสูงสุดของสินทรัพย์ภายในกรอบเวลานั้น
ราคาต่ำสุด – ราคาซื้อขายต่ำสุดของสินทรัพย์ภายในกรอบเวลานั้น
ราคาปิด – ราคาซื้อขายครั้งสุดท้ายของสินทรัพย์ภายในกรอบเวลานั้น
ระยะห่างระหว่างราคาเปิดและราคาปิดเรียกว่าเนื้อเทียน ระยะห่างระหว่างเนื้อเทียนถึงราคาสูงสุดเรียกว่าไส้เทียน
วิธีอ่านกราฟแท่งเทียน
นักเทรดหลายคนมองว่ากราฟแท่งเทียนอ่านได้ง่ายกว่ากราฟแท่งหรือกราฟเส้นทั่วไปถึงแม้จะเป็นข้อมูลชุดเดียวกัน กราฟแท่งเทียนสามารถอ่านได้อย่างรวดเร็ว เพราะมีการแสดงการเคลื่อนไหวของราคาที่ดูง่าย
แท่งเทียนนั้นแสดงให้เห็นถึงการปะทะกันระหว่างแรงซื้อและแรงขายในช่วงเวลาหนึ่ง โดยปกติแล้วยิ่งตัวเนื้อเทียนยิ่งยาวเท่าไร ก็หมายความว่าแรงซื้และแรงขายในช่วงเวลานั้นมีสูงมาก หากไส้เทียนมีระยะที่สั้นหมายความว่าราคาสูงสุด (หรือต่ำสุด) อยู่ใกล้ราคาปิด
ถ้าเนื้อเทียนเป็นสีเขียว หมายความว่าราคาของสินทรัพย์ปิดสูงกว่าราคาเปิด สีแดงหมายถึงราคาปิดต่ำกว่าราคาเปิดในช่วงเวลานั้น แต่บางคนอาจตั้งค่าสีแตกต่างออกไปจากนี้ บางคนอาจจะใช้สีขาวดำแทนที่สีเขียว-แดง ซึ่งกราฟจะแสดงการเคลื่อนไหวขาขึ้นด้วยแท่งเทียนสีขาวและขาลงด้วยแท่งเทียนสีดำ
สิ่งที่กราฟแท่งเทียนไม่ได้บอก
แม้ว่ากราฟแท่งเทียนจะมีประโยชน์มากในการใช้มองภาพการเคล่อนไหวของราคา แต่มันไม่ได้ให้ทุกอย่างในการวิเคราะห์อย่างครอบคลุม เช่น แท่งเทียนไม่ได้แสดงรายละเอียดสิ่งที่เกิดขึ้นในช่วงเวลาระหว่างราคาเปิดและราคาปิด มันแสดงแ่ระยะห่างระหว่างจุดสองจุดเท่านั้น (ราคาสูงสุดต่ำสุดด้วย) คือเราไม่สามารถรู้ได้ว่าราคาสูงสุดและต่ำสุดอันไหนเกิดขึ้นก่อนกัน แลักราฟแท่งเทียนยังมี nosie ซึ่งมันจะมากขึ้นเมื่อเราดู timeframe เล็กๆ แท่งเทียนจะขยับอย่างรวดเร็ว ทำให้วิเคราะห์ได้ยาก
แท่งเทียน Heikin-Ashi
Heikin-Ashi แปลว่าแถบค่าเฉลี่ยในภาษาญี่ปุ่น กราฟแบบนี้จะใช้สูตรคำนวณมาปรับแต่งแท่งเทียน โดยใช้ข้อมูลราคาเฉลี่ย เป้าหมายหลักคือการทำให้การเคลื่อนไหวของราคาสมูทขึ้น และกรอง noise ออกไป จึงทำให้เราสามารถมองเห็นแนวโน้มของตลาด รูปแบบการเคลื่อนไหว ได้ง่ายขึ้น
นักเทรดมักใช้แท่งเทียน Heikin-Ashi ร่วมกับแท่งเทียนปกติเพื่อหลีกเลี่ยง noise และเพิ่มโอกาสในการมองเห็นแนวโน้มของตลาด แท่งเทียน Heikin-Ashi สีเขียนที่ไม่มีไส้เทียนด้านล่างบ่งบอกถึงแนวโน้มขาขึ้น ในขณะที่แท่งเทียนสีแดงที่ไม่มีไส้เทียนด้านบนบ่งบอกถึงแนวโน้มขาลง
แม้ว่าแท่งเทียน Heikin-Ashi จะเป็นเครื่องมือที่ดี เช่นเดียวกับการวิเคราะห์ทางเทคนิคอื่นๆ แต่มันก็มีข้อจำกัด เนื่องจากแท่งเทียน Heikin-Ashi ใช้ข้อมูลราคาเฉลี่ย แพทเทิร์นอาจจะใช้เวลานานกว่าในการฟอร์มตัว
Reference : Binance Academy