8 ประโยชน์ของ Blockchain
ความเที่ยงตรงของเครือข่าย
ธุรกรรมบน Blockchain ได้รับการยืนยันโดยเครือข่ายคอมพิวเตอร์จำนวนมาก ระบบนี้สามารถตัดบุคคลที่ 3 ออกจากขั้นตอนการยืนยันธุรกรรม ซึ่งผลที่ได้ก็คือ Blockchain ช่วยลด human error และเพิ่มความแม่นยำในการบันทึกข้อมูล แต่ถ้ามีคอมพิวเตอร์ในเครือข่ายเกิดทำงานผิดพลาดขึ้นมา บันทึกที่ผิดพลาดนั้นจะมีเพียง copy เดียว การที่ข้อมูลที่ผิดพลาดจะถูกกระจายไปสู่เครือข่าย บุคคลที่ทำต้องมีกำลังประมวลผลมากกว่า 51% ของเครือข่าย
ลดต้นทุน
โดยปกติใช้งานธนาคารเพื่อทำธุรกรรม ทำเรื่องเอกสารอะไรต่างๆให้เรา ซึ่งการดำเนินงานต่างๆก็จะมีต้นทุน ซึ่ง Blockchain ได้เข้ามาทดแทนทำหน้าที่ในส่วนนี้ โดยช่วยตัดความจำเป็นในการยืนยันธุรกรรมจากบุคคลที่ 3 เช่น บริษัทที่รับชำระเงินด้วยบัตรเครดิตจะต้องเสียค่าธรรมเนียมทุกครั้งเมื่อมีการทำธุรกรรม แต่คริปโทเคอร์เรนซีมีค่าธรรมเนียมการทำธุรกรรมที่จำกัด ไม่ว่าจะทำธุรกรรมมากเพียงใดก็มีค่าธรรมเนียมเท่าเดิม ถ้าหากบริษัทหรือองค์กรใดใช้คริปโทเคอร์เรนซีและฟังก์ชันเสริมต่างๆเป็นจะทำให้ลดต้นทุนด้านการทำธุรกรรมลงมาก
กระจายศูนย์
ฺBlockchain ไม่มีศูนย์กลางในการเก็บข้อมูล แต่ทำการกระจาย copy ของข้อมูลไปสู่เครือข่ายคอมพิวเตอร์ทุกๆเครื่อง เมื่อไรที่บล็อกใหม่ถูกสร้างขึ้นบนเครือข่าย blockchain คอมพิวเตอร์ทุกๆเครื่องบนเครือข่ายจะได้รับอัพเดทข้อมูลของบล็อกใหม่ที่ถูกสร้างขึ้น
ด้วยการกระจายข้อมูลไปทั่วเครือข่ายแบบนี้แทนที่จะเก็บข้อมูลไว้ที่ฐานข้อมูลศูนย์กลาง ทำให้ Blockchain มีการเก็บข้อมูลที่มั่นคงและยากต่อการลบล้าง
ทำธุรกรรมอย่างมีประสิทธิภาพ
การทำธุรกรรมผ่านบุคคลที่ 3 อย่างธนาคารจะต้องใช้เวลา ถ้าเราต้องการจะฝากเช็คกับธนาคารในวันศุกร์ เงินอาจจะเข้าในบัญชีเราวันจันทร์ เพราะว่าสถาบันทางการเงินมักจะมีเวลาดำเนินการ เช่น จันทร์-ศุกร์ ในส่วนของ Blockchain นั้นจะทำงานตลอด 24 ชั่วโมง 7 วันต่อสัปดาห์ และไม่มีวันหยุดใดๆ ธุรกรรมต่างๆสามารถทำสำเร็จได้ภายใน 10 นาที และสามารถยืนยันความปลอดภัยได้ภายใน 1 ชั่วโมง ซึ่ง Blockchain มีประโยชน์มากกับการทำธุรกรรมข้ามประเทศ เพราะธุรกรรมระหว่างประเทศจะใช้เวลานานมากจากเรื่อง time zone และต้องรอการยืนยันจากทั้งสองฝั่ง
ธุรกรรมส่วนตัว
ถึงแม้เครือข่าย Blockchain ดำเนินการเป็นฐานข้อมูลที่มีความเปิดเผย ทุกคนสามารถดูประวัติธุรกรรมที่เกิดขึ้นบนเครือข่าย ซึ่งสามารถดูรายละเอียดบางอย่างของธุรกรรมได้ แต่ผู้คนจะไม่มีทางรู้ได้ว่าผู้ที่ทำธุรกรรมคือใครและทำกับใคร ถ้าเจ้าของธุรกรรมไม่เปิดเผยเอง ซึ่งเหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการความเป็นส่วนตัวและความปลอดภัยในการทำธุรกรรม
รักษาความปลอดภัยของธุรกรรม
ทุกธุรกรรมที่ถูกทำขึ้นในรอบ 10 นาที จะผ่านการยืนยันธุรกรรมโดยคอมพิวเตอร์ทุกตัวบนเครือข่าย แล้วบันทึกบล็อกของข้อมูลเข้ากับ Blockchain แล้วข้อมูลนั้นจะไม่สามารถแก้ไขได้อีก การจะแก้ไขธุรกรรมได้ คนที่ทำต้องมีกำลังประมวลผลของคอมพิวเตอร์มากกว่าครึ่งหนึ่งของเครือข่าย Blockchain นั้นๆ หรือที่เราเรียกกันว่า 51% Attack ซึ่งเกิดขึ้นได้ยากมากกับเครือข่ายที่มีกำลังประมวลผลสูงๆอย่างเช่นบิตคอยน์
ความโปร่งใส
Blockchain เกือบทุกเครือข่ายมีลักษณะ open-source หมายความว่าทุกคนสามารถดูโค้ดของโปรแกรมได้ ซึ่งสิ่งนี้ทำให้ผู้ตรวจสอบสามารถตรวจสอบความปลอดภัยของคริปโทเคอร์เรนซีหรือโปรเจค DeFi ต่างๆได้ การที่เป็นเครือข่าย open-source ยังมีอีกหนึ่งข้อดีคือไม่มีใครเป็นผู้ควบคุมและแก้ไขโค้ดของคริปโทเคอร์เรนซี เช่น บิตคอยน์ แต่เพียงผู้เดียว ทำให้ทุกๆคนที่ใช้งานบิตคอยน์สามารถเสนอแนวทางในการเปลี่ยนแปลงหรืออัปเกรดระบบได้ ถ้าหากผู้ใช้งานเครือข่ายมากกว่าครึ่งเห็นด้วยกับการเปลี่ยนแปลง บิตคอยน์จะเกิดการอัปเกรดระบบเป็นรูปแบบใหม่
สัญญาอัตโนมัติ smart contact
Smart contact คือสัญญาอัตโนมัติ สัญญาที่เราทำจะดำเนินต่อไปหากเราทำตามเงื่อนไข แต่ถ้าหากเราไม่ทำตามเงื่อนไข สัญญาจะหยุดใช้งานทันที ซึ่งที่ว่าทำตัวเป็นผู้บังคับใช้สัญญาเพราะว่าบนเครือข่าย blockchain ทุกอย่างถูกโปรแกรมไว้ด้วยโค้ดคอมพิวเตอร์ ซึ่ง smart contact ก็เป็นอีกโปรแกรมหนึ่งที่พร้อมรองรับผู้ใช้งาน โดยผู้ใช้งาน smart contact จะมั่นใจได้ว่าสัญญาจะเป็นสัญญาเสมอ เพราะทุกอย่างถูกเขียนไว้ในโค้ดหมดแล้ว
Reference : www.investopedia.com