วาฬยุคซาโตชิขยับตัวครั้งแรกในรอบ 14 ปี

นักวิเคราะห์ในวงการคริปโทเริ่มกังวลว่าตลาดอาจกำลังเข้าสู่ช่วง “พักฐาน” หลังมีสัญญาณวาฬเริ่มเทขาย Bitcoin ออกมาจำนวนมาก โดยเฉพาะกรณีของ “วาฬยุคซาโตชิ” รายหนึ่งที่เพิ่งเคลื่อนไหวกระเป๋าที่ไม่ขยับมา 14 ปี และโอน BTC มูลค่ากว่า $9.6 พันล้าน (ประมาณ 350,000 ล้านบาท) ที่ได้มาตั้งแต่ช่วงเดือนเมษายน-พฤษภาคม ปี 2011 สมัยที่ราคา BTC ยังต่ำกว่า $30 ต่อเหรียญ

GENIUS Act กระทบจิตวิทยาตลาด

หนึ่งในสาเหตุที่วาฬอาจเลือกขาย มาจากความกังวลต่อกฎหมาย GENIUS Act ที่ผ่านสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ ด้วยคะแนน 308 ต่อ 122 ซึ่งจะบังคับให้มีการตรวจสอบบัญชี (audit) อย่างเข้มงวดต่อ Stablecoin

Jacob King จาก WhaleWire วิเคราะห์ว่า “นี่อาจเป็นฟางเส้นสุดท้ายที่ทำให้ฟองสบู่ใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์อย่าง Bitcoin แตก” เพราะเขาเชื่อว่า BTC ได้รับแรงหนุนจาก “เงินปลอม” ที่ถูกอัดฉีดผ่าน Stablecoin ที่ไม่มีการสำรองจริง

บางฝ่ายมองโลกแง่ดี

อย่างไรก็ตาม ฝั่งนักวิเคราะห์จากธนาคารสินทรัพย์ดิจิทัล Sygnum เช่น Katalin Tischhauser กลับมองว่า GENIUS Act จะเป็นจุดเริ่มของกรอบกฎหมายที่ชัดเจนสำหรับ Stablecoin และอาจช่วยให้คริปโทถูกยอมรับมากขึ้นในระบบการเงินจริง

Nansen มองวาฬไม่ได้กลัวกฎหมาย แต่อยากถอนกำไร

นักวิเคราะห์จาก Nansen อย่าง Nicolai Søndergaard มองต่างออกไป โดยระบุว่า “วาฬที่ถือ BTC มานานขนาดนี้ ไม่น่าจะแคร์กฎหมายใหม่เท่าไร” เพราะที่ผ่านมาก็ถือผ่านทุกความไม่แน่นอนมาแล้ว และตอนนี้พอร์ตมีกำไรมากกว่า 2.4 ล้านเปอร์เซ็นต์ ตั้งแต่ปี 2011 การถอนกำไรถือเป็นเรื่องธรรมดา

Søndergaard ยังบอกว่า ตอนนี้ดัชนี Fear & Greed อยู่ที่ระดับ 73 ซึ่งแสดงถึงความโลภพอสมควร แต่หลายคนยังไม่ลงเงินเต็มที่ เพราะรอจังหวะย่อตัว

เงินยังไหลเข้า ETF ต่อเนื่อง

แม้จะมีแรงกดดันจากข่าวลบ แต่กองทุน ETF Bitcoin สปอตในสหรัฐฯ ยังมีเงินไหลเข้า ต่อเนื่องเป็นวันที่ 11 ติดต่อกัน โดยวันพฤหัสฯ ที่ผ่านมา มีเงินไหลเข้าอีกกว่า $522 ล้าน (ราว 19,000 ล้านบาท) ตามข้อมูลจาก Farside Investors

 

Reference: Cointelegraph