DeFi ในยุโรปและอเมริกา: เน้นเก็งกำไรเป็นหลัก
ในยุโรปตะวันตกและอเมริกาเหนือ DeFi หรือการเงินแบบกระจายศูนย์ มักถูกมองว่าเป็นช่องทางการลงทุน มีทั้งการวางเงินฝากกินดอก (staking), กลยุทธ์สร้างผลตอบแทน, กองทุน ETF ตามธีม ไปจนถึงผลิตภัณฑ์ที่อิงกับเหรียญ meme ที่เกี่ยวข้องกับการเมืองสหรัฐฯ เงินหมุนเวียนนับพันล้านดอลลาร์ถูกใช้ใน “การวิศวกรรมทางการเงิน” เหล่านี้
แอฟริกา: ใช้บล็อกเชนเป็นทางออกของระบบการเงินที่ล้มเหลว
ในขณะที่โลกตะวันตกใช้บล็อกเชนเพื่อเก็งกำไร แอฟริกากลับใช้เพื่อ “อยู่รอด” ท่ามกลางระบบการเงินที่ไม่ครอบคลุม ปัจจุบัน แอฟริกาใต้สะฮารามีผู้ใช้งาน “mobile money” เกิน 500 ล้านคน แต่ถึงอย่างนั้น 51% ของผู้ใหญ่ยังไม่มีบัญชีธนาคาร และไม่สามารถเข้าถึงบริการพื้นฐานอย่างเงินโอน, ประกัน, สินเชื่อ และการออมที่ปลอดภัยได้
ใช้งานจริง ไม่ใช่แค่ทฤษฎี
ในแอฟริกา DeFi ไม่ใช่เทรนด์ แต่คือ “ความจำเป็น” การใช้งานจริงเห็นได้ชัดจากข้อมูลของ Chainalysis ปี 2024 ที่ระบุว่าไนจีเรียเป็นประเทศที่ใช้เทคโนโลยี DeFi สูงเป็นอันดับ 2 ของโลก เคนยา กานา และแอฟริกาใต้อยู่ในท็อป 30 โดย 95% ของธุรกรรมบล็อกเชนในแอฟริกาเป็นการโอนที่มีมูลค่าไม่เกิน $10,000 (ประมาณ 370,000 บาท) ส่วนใหญ่อยู่ต่ำกว่า $1,000 (ประมาณ 37,000 บาท) ซึ่งหมายถึงคนธรรมดาที่ใช้เพื่อหนีเงินเฟ้อ ลดค่าธรรมเนียมโอนเงิน และเข้าถึงบริการทางการเงิน
Stablecoin: พระเอกของโลกการเงินใหม่ในแอฟริกา
Stablecoin อย่าง USDT และ USDC กลายเป็นเครื่องมือการเงินที่คนแอฟริกาใช้มากขึ้น ทั้งเก็บมูลค่า, โอนเงินข้ามประเทศ, หรือจ่ายเงินให้ซัพพลายเออร์ ปัจจุบัน Stablecoin คิดเป็น 43% ของธุรกรรมบล็อกเชนทั้งหมดในภูมิภาคนี้
ในชุมชน Kibera ของเคนยา โครงการชุมชนใช้ Bitcoin และ Stablecoin เพื่อค้าขายแบบ peer-to-peer โดยไม่ต้องพึ่งธนาคารหรือผู้ให้บริการ mobile money ที่คิดค่าธรรมเนียมแพง แพลตฟอร์ม Yellow Card ให้บริการ stablecoin ในกว่า 20 ประเทศในแอฟริกา สะท้อนว่าบล็อกเชนคือ “โครงสร้างพื้นฐาน” ไม่ใช่แค่สินทรัพย์ลงทุน
แอฟริกากำลังสร้างระบบใหม่จากศูนย์
Web3 ในแอฟริกาเติบโตอย่างแข็งแกร่ง รายงานปี 2024 จาก CV VC ระบุว่า 6.4% ของเงินทุน VC ในแอฟริกาไปที่สตาร์ทอัพ Web3 สูงกว่าค่าเฉลี่ยทั่วโลกที่ 3.5% แสดงถึงความมั่นใจในโซลูชันที่สร้างโดยคนแอฟริกาเพื่อคนแอฟริกา
นักพัฒนาในไนโรบี ลากอส และอักกรา กำลังออกแบบเครื่องมือใหม่โดยไม่ยึดติดกับระบบเก่า เช่น แอปโอนเงินข้ามประเทศ แอปลูกหนี้กระจายศูนย์ และระบบยืนยันตัวตนด้วยบล็อกเชน ไนจีเรียเพียงประเทศเดียวมีนักพัฒนา Web3 เพิ่มขึ้น 28% คิดเป็น 4% ของนักพัฒนา Web3 ใหม่ทั่วโลก
โปรเจกต์เด่นที่ใช้งานจริงแล้ว
- Kotani Pay (เคนยา): ส่ง Stablecoin ผ่าน SMS โดยไม่ต้องมีสมาร์ตโฟนหรืออินเทอร์เน็ต
- Ayoken: ตลาด NFT ทั่วทวีปที่ช่วยศิลปินเข้าถึงรายได้จากทั่วโลก
- Jambo (คองโก): แอปครบวงจรที่ให้คนรุ่นใหม่ “หาเงิน เรียนรู้ และใช้จ่าย” โดยไม่ต้องพึ่งธนาคาร
สร้างภายใต้ข้อจำกัด และเรียนรู้จากความยากลำบาก
แอฟริกาเผชิญปัญหาใหญ่หลายด้าน เช่น โครงสร้างพื้นฐานที่ไม่เสถียร การไม่มีระบบยืนยันตัวตน และค่าธรรมเนียมโอนเงินสูง แต่ผู้พัฒนาก็หาทางออกได้ เช่น Fonbnk ที่ให้เปลี่ยนค่าโทรศัพท์เติมเงินเป็น Stablecoin ได้โดยไม่ต้องใช้สมาร์ตโฟนหรือบัญชีธนาคาร
แม้แต่ปัญหาทางสังคม เช่น การว่างงานและความไม่ไว้วางใจรัฐบาล ก็ถูกนำมาพิจารณา โดยบางแพลตฟอร์มเพิ่มฟีเจอร์จำกัดการใช้งานหรือให้ความรู้ผู้ใช้เพื่อไม่ให้หลงไปกับการเก็งกำไร
อนาคตของ Web3 กำลังเกิดขึ้นในแอฟริกา
แอฟริกาไม่ได้แค่ตามกระแส แต่กำลังสร้างระบบการเงินคู่ขนานที่ตอบโจทย์ชีวิตจริง บล็อกเชนที่นี่ไม่ได้แค่ “เจ๋ง” แต่มัน “จำเป็น” นักพัฒนาแอฟริกากำลังสร้างเครื่องมือที่รองรับชีวิตในโลกจริง ซึ่งอาจเป็นต้นแบบให้โลกทั้งใบ หากเราต้องการการใช้งานบล็อกเชนอย่างแท้จริง ก็ควรหันมามองที่แอฟริกา
Reference: Bitcoin News