แม้จะเจอกระแสลมต้านจากภาวะเศรษฐกิจโลก แต่ข้อมูล on-chain ล่าสุดบ่งชี้ชัดว่า นักลงทุนรายใหญ่และกองทุนสถาบัน ยังคงเดินหน้าสะสม Bitcoin ต่อเนื่อง โดยเฉพาะกลุ่มวาฬที่ถือ BTC หลักพันเหรียญขึ้นไป

ข้อมูลจาก Glassnode เผยว่า วาฬและนักลงทุนระดับกลาง (Sharks) กำลังดูดซับ Bitcoin ที่ออกใหม่ในอัตราสูงถึง 300% ของอัตราการผลิตรายปี ขณะที่ปริมาณ BTC ที่อยู่บนกระดานเทรดลดลงในระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์

  • Exchange absorption rate ติดลบกว่า -200% แสดงให้เห็นว่ามีการ “ถอนเหรียญ” ออกจากตลาดเทรดไปเก็บไว้ในกระเป๋าส่วนตัวหรือเพื่อการถือระยะยาวมากขึ้น
  • พฤติกรรมนี้สะท้อนถึง “แนวโน้มการถือครองระยะยาว” แทนที่จะเป็นการซื้อขายเก็งกำไรแบบเดิม

กลุ่มนักลงทุนที่ถือ BTC มากกว่า 10,000 เหรียญขึ้นไป ยังคงสะสมต่อเนื่อง โดยมีคะแนนสะสม (Trend Accumulation Score) อยู่ที่ 0.7 ซึ่งจัดว่าเป็นระดับ “สะสมหนัก” (ค่าคะแนนอยู่ระหว่าง 0-1 ยิ่งใกล้ 1 ยิ่งแปลว่าสะสม)

ในขณะที่กลุ่มรายย่อย เช่น ผู้ถือ 1–100 BTC เริ่ม ชะลอการขาย และกลับเข้าสู่โซนกลาง (ประมาณ 0.5) บ่งบอกถึงแรงเทขายที่อ่อนลงและความลังเลในการออกจากตลาด

นักวิเคราะห์ชื่อ Mignolet มองว่าพฤติกรรมแบบนี้ คล้ายกับช่วงก่อนเกิด bull run ปี 2020 ซึ่ง Bitcoin วิ่งแรงทะลุ $60,000 ในเวลานั้น

บนกราฟเทคนิค Bitcoin กำลัง เบรกทะลุจากรูปแบบ Falling Wedge ซึ่งมักตามมาด้วยขาขึ้นรอบใหญ่ โดยเป้าหมายทางเทคนิคจากการวัดความสูงของ wedge บ่งบอกว่า:

ราคาเป้าหมายของ BTC อาจไปได้ไกลถึง $101,570

อย่างไรก็ตาม ยังมีแรงต้านใกล้ ๆ ที่ต้องจับตา:

  • เส้น EMA 50 วัน และ 200 วัน ซึ่งอยู่แถว ๆ $85,300 – $88,804
  • นักวิเคราะห์ Scott Melker เตือนว่า ตลาดยังไม่ชัดเจน ต้องรอให้ราคาเบรกผ่านแนวต้านเหล่านี้ และ สร้างจุดสูงใหม่ (Higher High) เพื่อยืนยันแนวโน้มขาขึ้น

Reference : Cointelegraph