รายงานล่าสุดจาก Cointelegraph ชี้ให้เห็นว่า “วาฬ” และนักลงทุนสถาบันกลับมาเดินเกมซื้อ Bitcoin หนักอีกครั้งในช่วงก่อนเทศกาลอีสเตอร์ โดยมีแนวโน้มว่าตลาดอาจเข้าสู่ช่วงราคานิ่ง หลังเผชิญแรงกระแทกจากข่าวสงครามการค้าระหว่างประเทศตลอดสองสัปดาห์ที่ผ่านมา

หนึ่งในกระเป๋าที่น่าจับตาคือกระเป๋าที่เชื่อมโยงกับบริษัทลงทุน Abraxas Capital จากลอนดอน ซึ่งเข้าซื้อ Bitcoin จำนวน 2,949 BTC คิดเป็นมูลค่ากว่า 250 ล้านดอลลาร์ ภายในเวลาแค่ 4 วันก่อนวันที่ 19 เมษายน

โดยเฉพาะในวันที่ 18 เมษายน Abraxas ได้เท Bitcoin มูลค่ากว่า 45 ล้านดอลลาร์ ออกจาก Binance ตามข้อมูลจาก Lookonchain และ Arkham Intelligence

สัญญาณความมั่นใจยังแรง สวนทางความผันผวน

ก่อนหน้านั้นเพียงไม่กี่วัน บริษัท MicroStrategy ของ Michael Saylor ก็เพิ่งเข้าซื้อ BTC มูลค่ากว่า 285 ล้านดอลลาร์ ที่ราคาเฉลี่ย $82,618 ต่อเหรียญ ซึ่งตอกย้ำความมั่นใจของผู้ถือรายใหญ่ระดับโลก แม้สถานการณ์เศรษฐกิจจะเต็มไปด้วยความไม่แน่นอนด้านภาษีและการค้า

รายงานยังระบุว่า “วาฬ” ยังคงดูดซับ BTC เข้าพอร์ตอย่างต่อเนื่อง โดยอัตราการสะสม BTC ในตอนนี้สูงถึง 300% ของอัตราการผลิตเหรียญรายปี ในขณะที่ปริมาณ BTC บนกระดานเทรดทั่วโลกกำลังลดลงในระดับ “ต่ำเป็นประวัติการณ์”

นักวิเคราะห์ชี้ สุดสัปดาห์อาจนิ่ง แม้ยังมีแรงเทจากกลุ่มถือกลาง

แม้ฝั่งวาฬจะยังถือมั่น แต่อีกหนึ่งสัญญาณที่น่าจับตาคือการที่กลุ่มผู้ถือ BTC แบบระยะกลาง (3-6 เดือน) ได้มีการเคลื่อนย้ายเหรียญออกมามากกว่า 170,000 BTC เข้าสู่ตลาด ซึ่งอาจส่งผลต่อความผันผวนระยะสั้น

แต่ทีมวิจัยจาก Bitfinex มองว่า:

“การเคลื่อนไหวเหล่านี้มักไม่กระทบต่อราคาช่วงสุดสัปดาห์ เพราะเหรียญส่วนใหญ่ไม่ได้ถูกขายบนตลาดที่มีสภาพคล่องสูงหรือ CEX โดยตรง อีกทั้ง funding rate ยังนิ่ง และตลาดสหรัฐปิดทำการช่วงวันหยุดอีสเตอร์ด้วย”

ด้าน Marcin Kazmierczak จาก RedStone Oracles เสริมว่า การย้ายเหรียญอาจเป็นแค่ “การโอนเพื่อการจัดการภายใน” ไม่ได้สะท้อนแรงขายจริงแต่อย่างใด

เหตุการณ์สำคัญ 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา ช่วยย้ำ “สภาพคล่อง” คือหัวใจของตลาด

ความกังวลเรื่องความผันผวนในช่วงสุดสัปดาห์ไม่ได้มาแบบไร้เหตุผล ย้อนกลับไปวันที่ 13 เม.ย. เหรียญ MANTRA เกิดราคาร่วงหนักกว่า 90% ภายในวันเดียว จากราว $6.30 เหลือไม่ถึง $0.50 สร้างความสั่นสะเทือนในวงการ และกระตุ้นข้อสงสัยเรื่องการปั่นราคาและปัญหาสภาพคล่อง

ก่อนหน้านั้นในวันที่ 6 เม.ย. Bitcoin ก็เคยร่วงทะลุ $75,000 ในช่วงวันอาทิตย์ โดยมีสาเหตุส่วนหนึ่งมาจากความกลัวหลังตลาด S&P 500 ขายทิ้งหนักที่สุดในประวัติศาสตร์กว่า 5 ล้านล้านดอลลาร์ ซึ่งส่งผลกระทบต่อสินทรัพย์เสี่ยงทุกตัว

Adam Back CEO ของ Blockstream ให้ความเห็นว่า:

“ช่วงสุดสัปดาห์ที่ไม่มีตลาดหลักเปิดทำการ มักมี Volume ต่ำ จึงทำให้เกิดการร่วงแบบฉับพลัน (flash crash) ได้ง่าย แม้จะดีดกลับในภายหลังก็ตาม”

Reference : Bitcoin News