Anthony Scaramucci ผู้ก่อตั้ง Skybridge Capital แสดงความพอใจต่อแนวทางของรัฐบาลสหรัฐฯ ที่จะนำ Bitcoin มาเป็นส่วนหนึ่งของทุนสำรองเชิงยุทธศาสตร์ (Strategic Reserves) ควบคู่ไปกับสินทรัพย์แบบดั้งเดิม เช่น ทองคำและน้ำมัน เขายังชื่นชมความพยายามผลักดันกฎหมาย Bitcoin และ Stablecoin อย่างเป็นเอกฉันท์ เพื่อปูทางสู่การยอมรับในระดับสถาบัน

“หากมองไปข้างหน้าในช่วง 3-6 เดือนข้างหน้า คุณจะเห็นสถาบันการเงินเข้าซื้อ Bitcoin มากขึ้น และเมื่อสหรัฐฯ เริ่มถือครองสินทรัพย์นี้ ประเทศอื่น ๆ ก็จะตามมาเช่นกัน” — Scaramucci ให้สัมภาษณ์กับ CNBC

การเพิกเฉยต่อ Bitcoin อาจทำให้สหรัฐฯ เสียเปรียบ

แม้จะยังมีความสงสัยจากนักลงทุนและนักการเมืองรุ่นเก่า แต่ Scaramucci เชื่อว่าสหรัฐฯ ต้องปรับตัว โดยเฉพาะเมื่อหลายประเทศเริ่มเพิ่มทุนสำรอง Bitcoin อย่างต่อเนื่อง เขายังชื่นชม David Sacks ที่ได้รับการแต่งตั้งเป็น Crypto Czar ภายใต้รัฐบาล Trump ซึ่งมีบทบาทสำคัญในการผลักดันให้รัฐบาลยอมรับ Bitcoin

“แนวทางของ Sacks ฉลาดมาก เขากำลังสร้างรากฐานให้ Bitcoin กลายเป็นสินทรัพย์สำคัญในระบบเศรษฐกิจสหรัฐฯ”

รัฐบาลสามารถถือ Bitcoin โดยไม่ใช้ภาษีประชาชน

สำหรับข้อกังวลเรื่องภาษีที่อาจถูกนำไปใช้ซื้อ Bitcoin Scaramucci ชี้แจงว่า แนวทางปัจจุบันเป็นแบบ Revenue-Neutral หรือไม่มีผลกระทบต่อรายได้รัฐบาล โดยใช้เงินจากการขายสินทรัพย์ที่ถูกริบ (Forfeited Assets) มาจัดซื้อ เช่นเดียวกับการบริหารทุนสำรองในปัจจุบัน

“ถ้าคุณเชื่อเหมือนผมว่า Bitcoin คือ ‘ทองคำดิจิทัล’ อีก 10-15 ปีข้างหน้า สหรัฐฯ จะต้องถือครองมันไว้เพื่อรักษาเสถียรภาพและอำนาจของดอลลาร์”

Bitcoin: อาวุธป้องกันความเสี่ยงจากเงินเฟ้อ

Scaramucci ยังเน้นว่าท่ามกลางแรงกดดันจากเงินเฟ้อ การที่ Bitcoin มีจำนวนจำกัดทำให้มันเป็นสินทรัพย์สำรองที่น่าสนใจ แม้ว่ายังมีความเห็นต่างในทางการเมืองเกี่ยวกับสินทรัพย์ดิจิทัล แต่เขาย้ำว่าสหรัฐฯ ควรมอง Bitcoin อย่างเป็นกลางและใช้ประโยชน์จากมันอย่างมียุทธศาสตร์

“Bitcoin เป็นเครื่องมือทางการเงินสำคัญของอนาคต ผมอยากให้มีการศึกษาเรื่องนี้มากขึ้น เพื่อให้สหรัฐฯ ไม่พลาดโอกาสสำคัญ”

การแสดงจุดยืนของ Scaramucci ตอกย้ำว่า Bitcoin กำลังกลายเป็นหัวข้อสำคัญของนโยบายเศรษฐกิจระดับโลก และสหรัฐฯ ต้องเร่งปรับตัวเพื่อไม่ให้เสียโอกาสในการเป็นผู้นำด้านการเงินในศตวรรษที่ 21

Reference : Bitcoin News