ทางการอินเดียได้เข้ายึดคริปโตเคอเรนซีมูลค่ากว่า 198 ล้านดอลลาร์ (ประมาณ 1,646 ล้านรูปี) ที่เชื่อมโยงกับโครงการแชร์ลูกโซ่ของ Bitconnect ซึ่งเป็นหนึ่งในคดีฉ้อโกงคริปโตที่ใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ การเข้าตรวจค้นดำเนินการเมื่อวันที่ 11 และ 15 กุมภาพันธ์ 2567 ภายใต้กฎหมายป้องกันการฟอกเงิน (PMLA) ปี 2002

เบื้องหลังการสืบสวน

การสอบสวนครั้งนี้มีจุดเริ่มต้นจากการร้องเรียนของกองสอบสวนอาชญากรรม (CID) ในเมืองสุรัต โดยพบว่า Bitconnect เปิดให้ลงทุนผ่านโปรแกรม “Lending Program” ระหว่างเดือนพฤศจิกายน 2559 ถึงมกราคม 2561 ซึ่งเป็นโครงการที่ไม่มีใบอนุญาตและให้คำมั่นสัญญาผลตอบแทนสูงอย่างไม่เป็นจริง นักลงทุนจากทั่วโลก รวมถึงในอินเดีย ต่างถูกหลอกให้เชื่อว่าพวกเขาจะได้รับผลกำไรสูงจากการปล่อยกู้สินทรัพย์ดิจิทัล

Bitconnect อ้างว่าใช้ “บอทเทรดความผันผวน” ที่สามารถสร้างผลตอบแทนสูงถึง 40% ต่อเดือน หรือเฉลี่ย 1% ต่อวัน ซึ่งเท่ากับ 3,700% ต่อปี แต่แท้จริงแล้ว เงินทุนของนักลงทุนไม่ได้ถูกนำไปลงทุนจริง และถูกยักย้ายไปยังกระเป๋าเงินดิจิทัลที่ผู้ต้องหาควบคุมอยู่

นอกจากคริปโตที่ถูกยึด ทางการยังได้อายัดเงินสด 1.35 ล้านรูปี รถยนต์ Lexus และอุปกรณ์ดิจิทัลจำนวนมาก

Bitconnect ล่มสลายในปี 2018

Bitconnect ปิดตัวลงในช่วงต้นปี 2561 หลังถูกเปิดโปงว่าเป็นแชร์ลูกโซ่ หลายประเทศรวมถึงสหรัฐฯ ได้ดำเนินคดีทางกฎหมายกับผู้ก่อตั้งและผู้โปรโมตหลักของแพลตฟอร์มนี้

  • Glenn Arcaro โปรโมเตอร์หลักของสหรัฐฯ ถูกตัดสินจำคุก 38 เดือน และต้องชดใช้เงินกว่า 17 ล้านดอลลาร์ ให้กับเหยื่อทั่วโลก
  • Satish Kumbhani ผู้ก่อตั้ง Bitconnect ถูกฟ้องในสหรัฐฯ ตั้งแต่ปี 2565 แต่ยังคงหลบหนี และไม่ทราบที่อยู่แน่ชัด

ขณะนี้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องยังคงเดินหน้าติดตามเงินทุนและดำเนินคดีกับผู้ที่เกี่ยวข้องกับการฉ้อโกงมูลค่ากว่า 2.4 พันล้านดอลลาร์ ของ Bitconnect

Reference : Bitcoin News