ขับเคลื่อนความยั่งยืนด้วยเทคโนโลยีบล็อกเชน
ศูนย์นวัตกรรมและการศึกษาเพื่อความยั่งยืน SEE Institute ในดูไบ ได้ลงนามความร่วมมือกับ Cardano Foundation เพื่อผสานเทคโนโลยีบล็อกเชนเข้ากับโครงการด้านความยั่งยืนระดับโลก โดยมีเป้าหมายเพื่อพัฒนาโซลูชันที่ใช้บล็อกเชนในการสนับสนุนการพัฒนาอย่างยั่งยืน
ทั้งสององค์กรหวังว่าความร่วมมือนี้จะช่วยผลักดันให้บล็อกเชนเป็นเครื่องมือสำคัญในการพัฒนาอย่างยั่งยืน และเพิ่มการยอมรับเทคโนโลยีนี้ในภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง
Faris Saeed ผู้ก่อตั้งและประธาน SEE Institute กล่าวว่า
“บล็อกเชนกำลังเปลี่ยนแปลงมาตรฐานด้านความโปร่งใสและการตรวจสอบย้อนกลับในอุตสาหกรรมความยั่งยืน การนำเทคโนโลยีนี้มาใช้ช่วยให้เราสร้างบันทึกข้อมูลที่แม่นยำและตรวจสอบได้ พร้อมทั้งสามารถติดตามสินค้าและวัสดุในซัพพลายเชนแบบเรียลไทม์”
Saeed ยังเสริมว่า แนวทางแบบกระจายศูนย์ (decentralized) นี้ช่วยเสริมสร้างความไว้วางใจ ปรับปรุงความถูกต้องของข้อมูล และสนับสนุนโซลูชันที่ขับเคลื่อนด้วยข้อมูลเพื่อแก้ไขปัญหาสำคัญในด้านอาหาร พลังงาน น้ำ สินค้า การคมนาคม และการจัดการขยะ นอกจากนี้ โครงการยังมีเป้าหมายในการช่วยให้โลกบรรลุเป้าหมาย Net-Zero Emissions หรือการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์
Cardano Foundation เดินหน้าขยายขอบเขตการศึกษาและการใช้งานบล็อกเชน
Frederik Gregaard ซีอีโอของ Cardano Foundation มองว่าความร่วมมือกับ SEE Institute ซึ่งเป็นบริษัทที่อยู่ในเครือ Fortune 500 สะท้อนถึงความต้องการที่เพิ่มขึ้นของการศึกษาเกี่ยวกับบล็อกเชน
“เรารู้สึกตื่นเต้นที่ได้ร่วมมือกับ SEE Institute และตั้งตารอที่จะทำงานร่วมกัน ทั้งในด้านการให้ความรู้และการสำรวจกรณีการใช้งานใหม่ๆ ของบล็อกเชน โดยเฉพาะในฐานะเทคโนโลยีที่ช่วยสนับสนุนการพัฒนาอย่างยั่งยืน”
ภายใต้ข้อตกลงนี้ จะมีการเปิดตัวหลักสูตรประกาศนียบัตรด้านบล็อกเชนเพื่อความยั่งยืน (Sustainable Blockchain Diploma) ที่ประกอบด้วย 6 โมดูล ซึ่งจะผสานความเชี่ยวชาญด้านความยั่งยืนของ SEE Institute เข้ากับเทคโนโลยีบล็อกเชนของ Cardano
นอกจากนี้ SEE Institute และ Cardano จะร่วมมือกันส่งเสริมการใช้บล็อกเชนในระดับโลก โดยมุ่งเน้นไปที่ ความโปร่งใสและการตรวจสอบย้อนกลับ เพื่อสนับสนุนธุรกิจที่มีจริยธรรม และผลักดันการพัฒนาโซลูชันที่ขับเคลื่อนด้วยข้อมูล
Reference : Bitcoin News