สถาบันการเงินเริ่มหันมาปล่อยสินเชื่อที่ใช้บิตคอยน์ (BTC) เป็นหลักประกันกันมากขึ้น หลังจากการยอมรับบิตคอยน์ในหมู่นักลงทุนขยายตัว และอัตราดอกเบี้ยของเงินเฟียตถูกปรับให้มีความเข้มงวดขึ้น แพลตฟอร์มสินเชื่อบิตคอยน์ Ledn เปิดเผยข้อมูลนี้กับเว็บไซต์ Cointelegraph เมื่อวันที่ 25 กันยายน
นักลงทุนสถาบันได้เทเงินหลายพันล้านดอลลาร์เข้าสู่กองทุน ETF บิตคอยน์แบบสปอต หลังจากที่หน่วยงานกำกับดูแลของสหรัฐฯ เปิดไฟเขียวให้กองทุนเหล่านี้สามารถซื้อขายได้ตั้งแต่ต้นปี แต่ตอนนี้สถาบันใหญ่ๆ เริ่มมองไกลกว่าแค่ ETF และขยับมาสนใจการปล่อยกู้ด้วยบิตคอยน์เป็นหลักประกันแทน
ในช่วงครึ่งแรกของปี 2024 Ledn ได้ดำเนินการปล่อยสินเชื่อคริปโตมูลค่ากว่า 1.16 พันล้านดอลลาร์ โดยส่วนใหญ่เป็นการปล่อยสินเชื่อให้สถาบันการเงิน โดยผลตอบแทนต่อปี (APR) ที่ผู้ปล่อยกู้ได้รับนั้นมักจะสูงกว่า 10%
อัตราดอกเบี้ยสำหรับผู้กู้มีตั้งแต่ 11.4% ถึง 13.4% ขึ้นอยู่กับประเภทของสินเชื่อ สำหรับสินเชื่อที่มีดอกเบี้ยต่ำ Ledn จะนำบิตคอยน์ที่ใช้เป็นหลักประกันออกไปปล่อยกู้ต่อเพื่อสร้างผลตอบแทนเพิ่ม ซึ่งอาจมีความเสี่ยงด้านเครดิตสำหรับผู้กู้เพิ่มขึ้นด้วย
สินเชื่อที่ใช้บิตคอยน์เป็นหลักประกันนั้น หากผู้กู้ไม่สามารถชำระคืนได้ บิตคอยน์ที่ใช้ค้ำประกันจะถูกยึดทันที ปัจจุบันตลาดสินเชื่อบิตคอยน์มีมูลค่าราว 8.5 พันล้านดอลลาร์ และคาดว่าจะเติบโตถึง 45 พันล้านดอลลาร์ภายในปี 2030 ตามข้อมูลจาก HFT Market Intelligence
Ledn ต้องแข่งขันกับแพลตฟอร์มปล่อยสินเชื่อบิตคอยน์รายอื่นๆ อย่าง Arch และ Salt อีกทั้งยังต้องเตรียมรับมือกับผู้เล่นรายใหญ่อย่าง Cantor Fitzgerald ที่ประกาศแผนเปิดตัวแพลตฟอร์มสินเชื่อ BTC สำหรับสถาบันในเดือนกรกฎาคม
นอกจากนี้ Ledn ยังมีการแข่งขันทางอ้อมกับแพลตฟอร์ม DeFi อย่าง Aave ที่มีบริการปล่อยกู้ในรูปแบบ decentralized finance
การเติบโตของตลาดสินเชื่อบิตคอยน์ยังได้รับแรงหนุนจากการเพิ่มจำนวนของผู้ดูแลสินทรัพย์คริปโตที่ได้รับการกำกับดูแลในสหรัฐฯ ซึ่งเข้ามาดูแลบิตคอยน์ให้กับนักลงทุนรายใหญ่ ในเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา Fireblocks ได้รับอนุมัติจากหน่วยงานกำกับดูแลทางการเงินของนิวยอร์ก ให้ดูแลสินทรัพย์ของลูกค้าสถาบันในสหรัฐฯ นอกจากนี้ บริษัทยักษ์ใหญ่อื่นๆ เช่น Coinbase Custody Trust, Fidelity Digital Asset Services และ PayPal Digital ก็ได้รับใบอนุญาตในลักษณะเดียวกัน
Reference : Cointelegraph