UK Finance เผยว่า การใช้เทคโนโลยีบล็อกเชนสำหรับการชำระเงิน อาจช่วยผลักดันอุตสาหกรรมการเงินของสหราชอาณาจักรให้เติบโต โดยปัจจุบันมีมูลค่าการชำระเงินสูงถึง 14.5 ล้านล้านดอลลาร์ต่อปี

เมื่อวันที่ 17 กันยายนที่ผ่านมา UK Finance ได้ประกาศความสำเร็จจากการทดลองใช้ Regulated Liability Network (RLN) ซึ่งเป็นบัญชีแยกประเภทที่อ้างอิงเทคโนโลยีบล็อกเชน สำหรับรองรับสกุลเงินดิจิทัลของธนาคารกลาง (CBDC) และสินทรัพย์ที่ถูกแปลงเป็นโทเค็น โดยระบุว่า RLN จะเป็นแรงขับเคลื่อนนวัตกรรมทางการเงินรูปแบบใหม่ เช่น การชำระเงินที่สามารถตั้งโปรแกรมได้ หลังการทดลองร่วมกับธนาคารชั้นนำถึง 11 แห่ง

นอกจากนี้ UK Finance ยังได้เรียกร้องให้หน่วยงานกำกับดูแลและหน่วยงานสาธารณะอื่น ๆ เข้ามามีส่วนร่วมพัฒนา RLN ซึ่งจะช่วยลดการฉ้อโกงและต้นทุนที่เกิดจากการชำระเงินล้มเหลว พร้อมชี้ว่ากฎหมายและกฎระเบียบของสหราชอาณาจักรมีความยืดหยุ่นพอที่จะรองรับการสร้างนวัตกรรมใหม่ ๆ ในระบบการเงินได้ แต่ยังต้องการการมีส่วนร่วมเพิ่มเติมจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง

Jana Mackintosh กรรมการผู้จัดการด้านการชำระเงินของ UK Finance กล่าวว่า “ภาคเอกชนพร้อมที่จะลงทุนในอนาคตของระบบเงินธนาคารพาณิชย์ และการร่วมมือกับหน่วยงานกำกับดูแลจะเป็นวิธีที่ดีที่สุดที่จะทำให้เรื่องนี้เป็นจริง”

RLN ใช้เทคโนโลยีบัญชีแยกประเภทแบบกระจาย (DLT) เพื่อให้ธนาคารพาณิชย์สามารถจัดการชำระเงินได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยปัจจุบันสหราชอาณาจักรมีมูลค่าการชำระเงินสูงถึง 14.52 ล้านล้านดอลลาร์ต่อปี บัญชีแยกประเภทนี้สามารถรองรับ CBDC สำหรับใช้ในการทำธุรกรรมระหว่างธนาคารพาณิชย์ รวมถึงเงินอิเล็กทรอนิกส์ต่าง ๆ ทำให้สามารถบันทึก โอน และตกลงการชำระเงินได้อย่างปลอดภัยและยืดหยุ่น นอกจากนี้ยังสามารถใช้โทเค็นและตั้งโปรแกรมการชำระเงินหรือตกลงการชำระได้ รวมถึงสามารถล็อกและปลดล็อกเงินทุนตามความต้องการ

การทดลองครั้งนี้ยังชี้ว่า RLN สามารถมอบ “จุดเชื่อมต่อร่วมกัน” ให้กับบริษัทใหม่ ๆ เพื่อเข้าถึงสถาบันการเงินที่มีอยู่แล้ว และเชื่อมโยงกับระบบการชำระเงินและการตกลงที่มีประสิทธิภาพสูงขึ้น UK Finance ยังกล่าวเสริมว่า แพลตฟอร์มนี้สามารถช่วยบรรลุเป้าหมายที่กำหนดโดยธนาคารแห่งอังกฤษ ซึ่งมุ่งเน้นการรักษาเสถียรภาพของระบบเงินและส่งเสริมนวัตกรรมอย่างต่อเนื่อง

การทดลองใช้ RLN เริ่มต้นในเดือนเมษายนที่ผ่านมา โดยทำงานร่วมกับธนาคารชั้นนำอย่าง Barclays, Citi, HSBC, Lloyds, Mastercard, NatWest, Nationwide, Santander, Standard Chartered, Virgin Money และ Visa

Reference : Cointelegraph