กระทรวงการคลังของสหรัฐฯ ออกแถลงการณ์เมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา โดยระบุว่า ได้ดำเนินมาตรการคว่ำบาตร “นักธุรกิจชาวกัมพูชาและธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการค้ามนุษย์และบังคับใช้แรงงานในรูปแบบการหลอกลวงผ่านทางไซเบอร์และคริปโตเคอเรนซี”
บุคคลที่ถูกกล่าวถึงคือ “ลี ยง พัฒน์” มหาเศรษฐีชาวกัมพูชา พร้อมด้วยกลุ่มธุรกิจ L.Y.P. Group รวมถึงอสังหาริมทรัพย์หลายแห่ง เช่น O-Smach Resort ที่ถูกโยงกับการละเมิดสิทธิมนุษยชนและการบังคับใช้แรงงานในแหล่งหลอกลวงออนไลน์ที่เกี่ยวข้องกับการฉ้อโกงคริปโต
OFAC หน่วยงานควบคุมทรัพย์สินต่างประเทศของสหรัฐฯ เผยว่า การหลอกลวงในครั้งนี้มักหลอกให้เหยื่อเชื่อว่าพวกเขากำลังลงทุนในคริปโตหรือการแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ แต่เป้าหมายหลักคือการฉ้อโกงเงินจากเหยื่อ โดยปฏิบัติการณ์หลอกลวงเหล่านี้มีความเกี่ยวข้องกับกลุ่มอาชญากรรมที่ปฏิบัติการอยู่ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
สถิติจาก FBI ระบุว่า จำนวนเงินที่สูญเสียจากการฉ้อโกงในคริปโตพุ่งสูงขึ้นถึง 53% โดยในปี 2022 มีมูลค่า 2.57 พันล้านดอลลาร์ เพิ่มเป็น 3.96 พันล้านดอลลาร์ในปี 2023
แบรดลีย์ ที. สมิธ ปลัดกระทรวงรักษาการด้านการต่อต้านการก่อการร้ายและข่าวกรองทางการเงินของสหรัฐฯ กล่าวว่า “การดำเนินการในครั้งนี้เป็นการแสดงถึงความมุ่งมั่นของเราที่จะเอาผิดกับผู้ที่เกี่ยวข้องกับการค้ามนุษย์และการละเมิดสิทธิมนุษยชน” โดยศูนย์ค้ามนุษย์ในภูมิภาคนี้บังคับให้เหยื่อทำงานในศูนย์หลอกลวงที่มุ่งเน้นการฉ้อโกงผ่านทางคริปโต ซึ่งศูนย์ O-Smach Resort ก็เป็นหนึ่งในนั้น
มาตรการคว่ำบาตรนี้ยังรวมถึงการอายัดทรัพย์สินทั้งหมดของนายลีและธุรกิจของเขาที่อยู่ในสหรัฐฯ และห้ามบุคคลหรือหน่วยงานในสหรัฐฯ ทำธุรกรรมใดๆ กับบุคคลหรือหน่วยงานที่ถูกคว่ำบาตร รวมถึงธุรกรรมที่เกี่ยวข้องกับคริปโตเคอเรนซีอีกด้วย
การดำเนินการดังกล่าวเป็นไปตามคำสั่งฝ่ายบริหารหมายเลข 13818 ซึ่งขยายจากกฎหมาย Global Magnitsky Human Rights Accountability Act ที่มุ่งต่อสู้กับการละเมิดสิทธิมนุษยชนและการคอร์รัปชั่น
Reference : Bitcoin News