VitaDAO กลุ่มกระจายศูนย์ที่มุ่งเน้นการยืดอายุขัยของมนุษย์ บอกกับ Cointelegraph ว่าความต้องการในการลดเวลาและต้นทุนในการนำยาตัวใหม่ออกสู่ตลาด กำลังผลักดันให้ผู้คนเริ่มหันมาทำการค้นคว้าวิจัยและพัฒนายาเองกันมากขึ้น โดยชี้ให้เห็นว่าเวลานี้มีความเป็นไปได้เพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ว่าการวิจัยและพัฒนาทางการแพทย์ “กำลังล้มเหลวในการตอบสนองความต้องการของผู้ป่วย”
แม้เทคโนโลยีจะพัฒนาขึ้นเรื่อยๆ แต่เวลาและต้นทุนในการนำยาตัวใหม่ออกสู่ตลาดกลับสูงขึ้นเรื่อยๆ แบบทวีคูณ ซึ่งในวงการแพทย์เรียกปรากฏการณ์นี้ว่า “กฎของ Eroom” ที่ตรงกันข้ามกับกฎของ Moore ที่ระบุว่าจำนวนทรานซิสเตอร์จะเพิ่มขึ้นทุกๆ สองปี แต่ในกรณีของ Eroom’s Law คือต้นทุนในการค้นพบยากลับเพิ่มขึ้นทุกๆ เก้าปี
เมื่อวันที่ 15 สิงหาคม องค์กรวิจัย Onchain Foundation ได้ตรวจสอบโครงการ DeSci จำนวน 60 โครงการ และพบว่า 61% เป็นโครงการที่เกี่ยวข้องกับการแพทย์ Dobrin กล่าวว่า DeSci จะช่วยให้เราสามารถผลิตยาที่ถูกและรวดเร็วยิ่งขึ้น เพราะโมเดลนี้มีประสิทธิภาพในการใช้เงินทุนมากกว่า และยังสามารถทำให้การทดลองทางการแพทย์มีความรวดเร็วและมีประสิทธิภาพมากขึ้นโดยยังคงรักษาความลับทางการค้าของบริษัทเอาไว้ได้
Asher Looi ผู้ร่วมก่อตั้ง BitDoctor.ai ซึ่งเป็นเครื่องมือวินิจฉัยโรคที่ใช้บล็อกเชนและ AI กล่าวว่า DeSci ยังช่วยให้ข้อมูลจากการทดลองทางการแพทย์ถูกบันทึกลงบนบล็อกเชน ซึ่งจะทำให้ข้อมูลเหล่านี้ถูกประทับเวลาและไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้
Asher Looi ได้ชี้ให้เห็นสามประเด็นหลักที่โมเดลแบบกระจายศูนย์จะเข้ามาช่วยพัฒนา ได้แก่ ห่วงโซ่อุปทาน การสรรหาผู้เข้าร่วมทดลอง และการให้ความยินยอม เขายังกล่าวเสริมว่า การแพทย์เองมีความเหมาะสมกับโมเดลกระจายศูนย์ เพราะการมีข้อมูลที่ถูกต้องและทันเวลาถือเป็นสิ่งสำคัญ
“เรากำลังเห็นผลกระทบเชิงบวกที่ชัดเจนมากขึ้นกับประสบการณ์ของผู้ป่วย โดยเฉพาะผู้ป่วยที่มีความต้องการทางการแพทย์เฉพาะทาง สามารถหาการทดลองทางการแพทย์ได้ง่ายขึ้นผ่านการแบ่งปันข้อมูลสุขภาพ ในขณะเดียวกันบริษัทเภสัชกรรมก็สามารถใช้ข้อมูลนี้เพื่อคัดเลือกผู้ป่วยที่เหมาะสมได้”
อนาคตของ DeSci ในการแพทย์
Dobrin คาดว่าในอนาคต โมเดลกระจายศูนย์และโมเดลรวมศูนย์จะผสานเข้าด้วยกันในวงการแพทย์อย่างไร้รอยต่อ คล้ายกับการใช้อินเทอร์เน็ตที่เราใช้กันทุกวันนี้โดยไม่ต้องใส่ใจโค้ด HTTP ที่อยู่เบื้องหลัง
ตัวอย่างเช่น VitaDAO ได้ระดมทุนจาก Pfizer Ventures ถึง 4.1 ล้านดอลลาร์ในเดือนมกราคม 2023 ซึ่งเป็นตัวอย่างที่ชี้ให้เห็นว่าอุตสาหกรรมยาพร้อมจะสนับสนุนโครงการกระจายศูนย์ เพื่อลดความเสี่ยงในช่วงเริ่มต้นของการวิจัย
Reference : Cointelegraph