นักขุด Bitcoin

นักขุดบิตคอยน์มีความสำคัญในในการทำตามอัลกอริทึม Proof-of-work ของบิตคอยน์ที่กำหนดให้คอมพิวเตอร์ทำการประมวลผล เพื่อสร้างบล็อกของบิตคอยน์และทำการยืนยันธุรกรรม

แล้วนักขุดที่ลงทุนในการขุดบิตคอยน์ก็จะได้รับรางวัลเป็นบิตคอยน์จำนวน 3.125 BTC ต่อบล็อก บวกกับค่าธรรมเนียมที่ผู้ใช้งานบิตคอยน์ทำธุรกรรมกันบนเครือข่าย ซึ่งนักขุดสามารถขายหรือเก็บบิตคอยน์ที่เพิ่งสร้างใหม่นี้ได้

การขุดบิตคอยน์ต้องใช้เงินลงทุนสูงเนื่องจากต้องใช้พลังงานและอุปกรณ์ราคาสูง ซึ่งในตอนแรกนักขุดที่มีกำลังขุดสูงๆจะมีโอกาสได้รับบิตคอยน์มากกว่า จนตอนหลังมีการเกิดขึ้นของกลุ่มการขุด (Mining pools) นักขุดจำนวนมากรวมตัวกันเพื่อแชร์แรงขุดและผลตอบแทนที่ได้

การขุดบิตคอยน์ต้องใช้เงินทุนเริ่มต้นสูง และค่าดำเนินการที่สูงเช่นกัน เพื่อที่จะชำระค่าใช้จ่ายรายเดือน เช่น ค่าไฟ ค่าเช่า นักขุดมีแนวโน้มที่จะขายบิตคอยน์ที่ได้รับมาใหม่ในทันที

นักลงทุนรายย่อยและนักเทรด

ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมานักลงทุนรายย่อยและนักเทรดเริ่มครอบครองสัดส่วนของบิตคอยน์มากขึ้นและมากขึ้นเรื่อยๆ เพราะบิตคอยน์ถูกมองว่าเป็นเครื่องมือในการป้องกันความเสี่ยงจากความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจโลก

นักลงทุนรายย่อยหมายถึงคนที่ซื้อหรือลงทุนในบิตคอยน์โดยหวังว่าจะสามารถทำกำไร โดยพิจารณาจากศักยภาพในการเติบโตระยะยาวของบิตคอยน์ โดยทั่วไปแล้วนักลงทุนรายย่อยจะไม่ซื้อ-ขาย บิตคอยน์บ่อยๆ นักลงทุนรายย่อยจะซื้อบิตคอยน์และสะสมไปเรื่อยๆตามมูลค่าที่เพิ่มขึ้น

ส่วนนักเทรด จะทำการซื้อ-ขายบิตคอยน์บ่อยกว่าในระยะเวลาสั้นๆ เพื่อพยายามที่จะทำกำไรในระยะสั้น เช่นการเทรดรายวัน ซื้อตอนเช้าขายตอนเย็น เทรดรายสัปดาห์ หรือรายเดือน พูดง่ายๆก็คือนักเทรดจะไม่ถือบิตคอยน์ยาวเหมือนนักลงทุน

นักลงทุนสถาบัน

เนื่องจากปัจจัยหลายอย่าง เช่น ความผันผวน กฎหมาย และมูลค่าตลาดของบิตคอยน์ นักลงทุนสถาบันจำนวนมากจึงลังเลที่จะลงทุนหรือซื้อขายบิตคอยน์ แต่ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา นักลงทุนสถาบันและสถาบันทางการเงินได้หันมาลงทุนในบิตคอยน์เพิ่มขึ้น เช่นกองทุนคริปโทเคอร์เรนซีต่างๆ และ Bitcoin ETF

กองทุนคริปโทเคอร์เรนซีคือกองทุนที่รวบรวมเงินทุนจากนักลงทุนรายเล็กรายใหญ่มาลงทุนในคริปโทเคอร์เรนซี แล้วบริหารจัดการเงินทุนโดยผู้เชี่ยวชาญ โดยดำเนินการและเก็บค่าธรรมเนียม (มาตรฐานอยู่ที่ 20%) เพื่อจัดการและเพิ่มมูลค่าสินทรัพย์ดิจิทัลของนักลงทุน กองทุนต่างๆมักจะใช้กลยุทธ์ซื้อขายแตกต่างกันไป บางกองทุนก็ใช้กลยุทธ์เฉพาะที่กรรมสิทธิ์ของกองทุน

ในส่วนของ Bitcoin ETF เป็นการลงทุนในตัว ETF ที่จะขยับขึ้นลงตามราคาของบิตคอยน์ หากราคาของบิตคอยน์ขึ้น ผู้ที่ได้ลงทุนใน Bitcoin ETF ก็จะได้กำไรเช่นกัน โดยรวมแล้วนักลงทุนสถาบันและสถาบันการเงินได้ลงทุนในบิตคอยน์มากขึ้น เช่นธนาคาร ผู้จัดการสินทรัพย์ กองทุนหลังเกษียณบางแห่งได้นำบิตคอยน์มาเป็นส่วนหนึ่งของพอร์ต เพื่อเพิ่มมูลค่าหรือกระจายความเสี่ยง

บริษัท

บริษัทในหลายภาคส่วนได้แสดงความสนใจและลงทุนในบิตคอยน์เป็นหลัก เช่น Microstretegy ที่ได้ซื้อและเก็บบิตคอยน์เป็นอันดับต้นๆของโลก รวมถึงบริษัทที่ลงทุนในการขุดบิตคอยน์ เช่น Core Scientific ที่ลงทุนสร้างเหมืองขุดบิตคอยน์ขนาดหลายร้อยเมกะวัตต์ และบริษัทที่นำบิตคอยน์ไปปรับใช้ เช่นสำหรับการซื้อขายสินค้า จ่ายค่าบริการ

อีกหนึ่งการใช้บิตคอยน์ในบริษัทคือการจัดสรรเงินสำรองคงคลังโดยใช้บิตคอยน์ แต่เดิมทรัพย์สินสำรองจะเป็นเงินสด ทองคำ และพันธบัตร เช่น MicroStrategy ที่ประกาศว่ากำลังลงทุน $250 ล้านในบิตคอยน์และใช้สินทรัพย์นี้เป็นเงินสำรองคงคลังหลัก

รัฐบาล

แม้ว่ารัฐบาลหลายประเทศจะไม่ได้ยอมรับในบิตคอยน์ แต่ว่ารัฐบาลของประเทศใหญ่ๆอย่างเช่น จีน สหรัฐฯ คือผู้ที่เก็บบิตคอยน์ไว้เป็นอันดับต้นๆของโลก รัฐบาลสหรัฐฯถือบิตคอยน์ไว้มากกว่า 210,000 BTC มูลค่ากว่า 13,000 ล้านดอลลาร์ ส่วนรัฐบาลจีนถือบิตคอยน์ไว้ 190,000 BTC มูลค่าประมาณ 12,970 ล้านดอลลาร์ ซึ่งรัฐบาลอาจจะไม่ได้ซื้อบิตคอยน์ทั้งหมดนี้ แต่ได้มาจากการยึดจากผู้ที่ทำผิดกฎหมายหรือทุจริตเกี่ยวกับบิตคอยน์

Reference : River