อีก 30 วันหลังจากนี้จะมีเหตุการณ์สำคัญที่เกิดขึ้นกับบิตคอยน์ เหตุการณ์นั้นคือการ Halving ครั้งที่ 4 ที่จะลดผลตอบแทนจากการขุดลงครึ่งหนึ่ง
สำหรับเครือข่ายบิตคอยน์ นักขุดมีหน้าที่ในการสร้างบล็อกใหม่ๆให้กับคนที่มาทำธุรกรรมในเครือข่าย และได้ผลตอบแทนเป็นรางวัลจากการขุดพบบล็อก + ค่าธรรมเนียม โดยรางวัลจากการขุดพบบล็อกในปัจจุบันอยู่ที่ 6.25 BTC ต่อบล็อก (ไม่รวมกับค่าธรรมเนียมธุรกรรม) ซึ่งหลังจากการ Halving ครั้งที่ 4 นี้ รางวัลจากการขุดจะลดลงเหลือ 3.125 BTC ต่อบล็อก
ตั้งแต่ปี 2009 ที่บิตคอยน์เริ่มดำเนินการจนถึงปี 2012 นักขุดจะได้รับรางวัลจากการขุดบล็อกละ 50 BTC และลดลงมาครึ่งหนึ่งประมาณทุกๆ 4 ปี จนจำนวนเท่ากับในปัจจุบัน และอีก 210,000 บล็อกหลังจากการ Halving ครั้งต่อไปที่จะถึงนี้ รางวัลจากการขุดบิตคอยน์จะเหลือ 1.5625 BTC ในปี 2028 และ 0.78125 BTC ในปี 2032
โปรแกรมของบิตคอยน์ได้กำหนดไว้ให้บิตคอยน์ลดรางวัลการขุดลงครึ่งหนึ่งทุกๆ 210,000 บล็อก (ประมาณ 4 ปี) เพราะผู้สร้างบิตคอยน์ต้องการให้บิตคอยน์มีจำนวนจำกัด หายากขึ้นเรื่อยๆเมื่อเวลาผ่านไป และต้องการให้เหรียญเฟ้อให้น้อยที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ โดยมีต้นแบบมาจากการขุดทองนั่นเอง
การลดรางวัลการขุดลงครึ่งหนึ่งที่จะเกิดขึ้นในอีก 1 เดือนข้างหน้าจะลดอัตราเงินเฟ้อ (Inflation rate) ของเครือข่ายบิตคอยน์ลง จาก 1.69% ในปัจจุบัน เป็น 0.84% ซึ่งจะลดอัตราการเพิ่มขึ้นของ BTC ในตลาดลงเป็นอย่างมาก
ซึ่งเป็นการตอกย้ำในคุณลักษณะเด่นของบิตคอยน์ในเรื่องของการเก็บรักษามูลค่า มีสกุลเงินดิจิทัลหลายตัวที่เพิ่ม supply เหรียญออกมาจำนวนมากเกินไปจนเกิดการเฟ้อของเหรียญ ตามหลักเศรษฐศาสตร์แล้ว เมื่อ supply เพิ่มมากขึ้นในขณะที่ demand หรือความต้องการซื้อยังเท่าเดิม ก็จะทำให้ราคาของสิ่งนั้นๆตกลงตามกลไก แต่กลับกัน ในกรณีของบิตคอยน์เลือกที่จะทำให้บิตคอยน์มี supply ที่จำกัดที่ 21 ล้านเหรียญ หมายความว่าจำนวนเหรียญบิตคอยน์จะไม่มีมากเกินไปจนล้นตลาดนั่นเอง