ทำไมการวางแผนมรดกคริปโตถึงสำคัญ?
ถ้าคุณถือ Bitcoin, Ether หรือ NFT แต่ยังไม่ทันได้วางแผน “ส่งทอดมรดก” หากคุณจากไปโดยไม่มีการเปิดเผย seed phrase หรือ private key ให้ทายาท คุณอาจสร้าง “กองมรดกที่ไม่มีใครใช้ได้” เอาไว้—อาจสูญหายตลอดกาล ข้อมูลจาก blockchain ชี้ว่ามี Bitcoin สูญหายไปแล้วประมาณ 1.57 ล้าน BTC (ราว 7.5% ของทั้งหมด!) เพราะคนลืมคีย์ ลืมกระเป๋า หรือทายาทไม่มีความรู้ในการรับมรดก
แผนมรดกคริปโตที่ดีควรมีอะไรบ้าง?
เขียนไว้อย่างชัดเจนในพินัยกรรมหรือ trust
คริปโตไม่เหมือนบัญชีธนาคาร—มันถูกควบคุมด้วยคีย์เฉพาะตัว หากคุณไม่ได้จัดเก็บคีย์ให้ถูกวิธี พินัยกรรมดั้งเดิมอาจไม่ครอบคลุม ควรร่วมมือกับทนายผู้เชี่ยวชาญด้านดิจิทัลเพื่อนำข้อมูลดังกล่าวรวมเข้าไปในเอกสารทางกฎหมาย
จัดการคีย์อย่างปลอดภัย แต่เข้าถึงได้
- พิจารณาใช้ multisig wallet ที่ต้องมีหลายกุญแจในการทำธุรกรรม
- แบ่งส่วน seed phrase ด้วย Shamir’s Secret Sharing ให้กระจายความสามารถในการเข้าถึง
- เก็บเอกสารสำคัญในตู้เซฟธนาคาร หรือในพื้นที่เข้ารหัส (encrypted) อย่างปลอดภัย
ใช้งาน smart contract เพื่อ automate การส่งมรดก
บางระบบ เช่น Ethereum มี smart contract ที่สามารถย้ายสินทรัพย์โดยอัตโนมัติเมื่อได้รับข้อมูลยืนยันการเสียชีวิต (เช่น ใบมรณบัตร) — ช่วยให้การส่งมรดกเป็นไปตามเจตนารมณ์อย่างน่าเชื่อถือ
เตรียมทายาทหรือผู้ดูแลมรดกให้พร้อม
ไม่มีสูตรวางแผนดีแค่ไหนก็ไร้ประโยชน์ถ้าทายาทไม่รู้ว่าจะรับมรดกยังไง ควรจัดทำคู่มือเข้าใจง่าย สอนทายาทหรือผู้ดูแลเรื่องขั้นตอน จัดตั้งให้มีผู้ดูแลที่รู้เรื่องคริปโตโดยเฉพาะ หรือเตรียมกระบวนการที่ชัดเจนว่างานในมรดกนี้ต้องทำอะไรบ้าง
เขียนพินัยกรรมคริปโตยังไง?
- รวบรวมข้อมูลสินทรัพย์ดิจิทัล เช่น กระเป๋า, Wallet, บัญชี Exchange, NFT, DeFi
- เก็บคีย์ให้ปลอดภัย โดยสงวนไว้ในไฟล์เข้ารหัสหรืออุปกรณ์เก็บแบบออฟไลน์
- แนบคู่มือเข้าถึงให้ทายาทเข้าใจง่าย
- มอบหมายผู้ที่รู้เรื่องคริปโตเป็นผู้ดูแล
- ตรวจสอบให้ถูกต้องตามกฎหมายมรดก (รวมภาษีถ้ามี)
- ปรับปรุงตามสถานการณ์ เช่น เปลี่ยนสินทรัพย์ หรือมีทายาทใหม่
เก็บความเป็นส่วนตัวยังไง?
- อย่าใส่คีย์ลงในเอกสารสาธารณะ
- จัดเก็บเอกสารสำคัญในเลตเตอร์ซีลหรือเข้ารหัส
- พิจารณาใช้ระบบระบุตัวตนแบบกระจายศูนย์ (DID) เพื่อจัดการเรื่องสิทธิการเข้าถึงอย่างปลอดภัย
Reference: Cointelegraph