บริษัทฟินเทคชื่อดังอย่าง Circle ผู้อยู่เบื้องหลังเหรียญ USDC ได้ยื่นขอใบอนุญาตกับสำนักงานตรวจสอบสถาบันการเงินของสหรัฐฯ (OCC) เพื่อจัดตั้งธนาคารรูปแบบใหม่ ที่จะทำหน้าที่ดูแลเหรียญสเตเบิลคอยน์ภายใต้กฎหมายกลางของรัฐบาลสหรัฐโดยตรง

ชื่ออย่างไม่เป็นทางการของธนาคารนี้คือ “First National Digital Currency Bank” ซึ่งแม้จะเรียกว่าธนาคาร แต่จะไม่ทำธุรกิจรับฝากเงินหรือปล่อยกู้แบบธนาคารทั่วไป เพราะหน้าที่หลักคือ ดูแลเงินสำรองที่หนุนหลัง USDC บริหารเงินสดและพันธบัตรระยะสั้น ให้บริการดูแลสินทรัพย์ดิจิทัล (custody) สำหรับลูกค้าระดับองค์กร

ทำไม Circle ถึงเดินเกมนี้ตอนนี้?

Circle ถือเป็นผู้เล่นรายใหญ่ในตลาดสเตเบิลคอยน์ โดยมี USDC หมุนเวียนกว่า 62,000 ล้านดอลลาร์ มากเป็นอันดับ 2 ของโลก และต้องพึ่งพาผู้ดูแลเงินสำรองอย่าง BlackRock และ BNY Mellon มาตลอด

การยื่นขอใบอนุญาตนี้ จะทำให้ Circle ควบคุมเงินสำรองได้โดยตรง ลดความเสี่ยง และเพิ่มความโปร่งใส อีกทั้งยังสอดรับกับกฎหมายฉบับใหม่ของสหรัฐฯ ที่เพิ่งออกมาในปี 2025 คือ GENIUS Act ซึ่งกำหนดว่าเหรียญสเตเบิลคอยน์ต้องมีเงินหนุน 1:1, รายงานข้อมูลรายเดือน และอยู่ภายใต้การกำกับดูแลของรัฐบาลกลาง

การมีใบอนุญาตธนาคารกลาง สำคัญแค่ไหน?

หาก Circle ได้ใบอนุญาตระดับชาติจาก OCC จะมีผลสำคัญหลายด้าน เช่น

  1. ยกระดับความน่าเชื่อถือ: จากที่ต้องพึ่งใบอนุญาตในแต่ละรัฐ (เช่น BitLicense ในนิวยอร์ก) การมีใบอนุญาตของรัฐบาลกลางจะทำให้ Circle อยู่ภายใต้การกำกับของ OCC และธนาคารกลางสหรัฐฯ แบบเต็มตัว
  2. ดึงลูกค้าระดับสถาบัน: นักลงทุนสถาบัน เช่น กองทุนบำเหน็จบำนาญ หรือบริษัทประกัน มักต้องการพาร์ตเนอร์ที่ได้รับการกำกับดูแลอย่างเป็นทางการ ธนาคารของ Circle จะช่วย “เชื่อมโลกคริปโตกับการเงินดั้งเดิม” ได้จริงจัง
  3. ควบคุมเงินสำรอง USDC ได้เอง: จากเดิมต้องฝากไว้กับผู้ดูแล ตอนนี้ Circle จะสามารถดูแลสินทรัพย์ที่หนุนหลัง USDC ได้เองทั้งหมด ซึ่งช่วยลดต้นทุน เพิ่มความคล่องตัว และสร้างความมั่นใจเรื่องความปลอดภัย

Circle ไม่ใช่ธนาคารเพื่อคนทั่วไป แต่เพื่อธุรกิจคริปโตระดับองค์กร

แม้จะเป็นธนาคาร แต่ Circle จะไม่รับฝากเงินจากคนทั่วไปหรือปล่อยกู้แบบธนาคารปกติ ธุรกิจหลักของธนาคารนี้จะเน้นบริการสำหรับองค์กร เช่น บริการดูแลเหรียญดิจิทัลแบบปลอดภัย การถือครองสินทรัพย์ tokenized เช่น พันธบัตร, หุ้นดิจิทัล การเป็นโครงสร้างพื้นฐานให้กับบริษัท fintech ที่อยากใช้ USDC ในระบบจ่ายเงิน

Circle วางเป้าหมายไว้ไกลกว่าสเตเบิลคอยน์ เพราะมองว่าธุรกรรมในอนาคตจะเป็น “การเงินแบบตั้งโปรแกรมได้” และ USDC จะเป็นสะพานเชื่อมระหว่าง TradFi (การเงินดั้งเดิม) กับ DeFi (การเงินบนบล็อกเชน)

ทำไม “ตอนนี้” ถึงเป็นจังหวะเหมาะ?

Circle เพิ่งเปิดตัว IPO ไปเมื่อวันที่ 5 มิ.ย. 2025 ใช้ชื่อหุ้นว่า CRCL บนกระดาน NYSE โดยราคาหุ้นเปิดกระโดดจาก $31 ขึ้นไปแตะ $100 ก่อนจะปิดที่ $83 มูลค่าตลาดเกือบ 6.9 พันล้านดอลลาร์

เพียง 12 วันหลัง IPO รัฐบาลสหรัฐฯ ก็ประกาศใช้ GENIUS Act ซึ่งเป็นกฎหมายควบคุมสเตเบิลคอยน์ชุดใหญ่ ทำให้ตลาดมั่นใจว่ารัฐบาลเริ่มเอาจริงกับการกำกับดูแลสินทรัพย์ดิจิทัล

ในช่วงเวลาเดียวกัน สำนักงาน OCC ภายใต้การนำของ Rodney Hood ก็แสดงออกอย่างชัดเจนว่าสนับสนุนการผสานโลกคริปโตกับระบบการเงินดั้งเดิม ผ่านช่องทางที่มีการกำกับดูแลชัดเจน

Reference: Cointelegraph