ตั้งแต่วันพุธที่ผ่านมา ราคาบิทคอยน์เคลื่อนอยู่ในกรอบแคบระหว่าง 107,300 ถึง 110,600 ดอลลาร์ (ประมาณ 3.93–4.05 ล้านบาท) นักลงทุนคาดหวังว่าการฉีดสภาพคล่องจากธนาคารกลางใหญ่ๆ จะเป็นแรงส่งรอบใหม่ให้ราคาทะลุแนวต้าน
นักวิเคราะห์เชื่อสัญญาณ breakout ใกล้มา
TedPillows นักวิเคราะห์สายแมโครใน X ระบุว่า ราคาบิทคอยน์ยังตามหลังการเติบโตของปริมาณเงินโลก หากยังมีความสัมพันธ์เดิมอยู่ BTC อาจเตรียมพุ่งตามไป อีกทั้งการเลื่อนกำหนดเก็บภาษีนำเข้าของสหรัฐฯ ก็เป็นอีกปัจจัยบวกที่หนุนราคาให้วิ่งไปถึง 120,000 ดอลลาร์ (ราว 4.4 ล้านบาท)
ตลาดออปชั่นส่งสัญญาณดีขึ้น
ในวันเสาร์ ความต้องการซื้อ put options (เดิมพันขาลง) เพิ่มขึ้นจนดันค่า put-to-call ratio แตะระดับสูงสุดในรอบปี สะท้อนความกลัวช่วงสั้น แต่ภายในวันจันทร์ ค่า ratio กลับมาที่ 0.8 บ่งชี้ว่านักลงทุนหันมามั่นใจฝั่งซื้อ (call options) มากขึ้น
พรีเมียมของฟิวเจอร์สบิทคอยน์ลดลงเหลือ 3.5% ในวันเสาร์ (ต่ำกว่าระดับปกติที่ 5–10%) แต่ก็ฟื้นตัวกลับมาในวันจันทร์ แม้ราคาจะต่ำกว่า 108,000 ดอลลาร์ แปลว่าความกังวลช่วงสั้นกำลังคลี่คลาย
แรงกดดันจากการเมืองสหรัฐฯ
การที่ทรัมป์ประกาศขึ้นภาษีนำเข้ากับญี่ปุ่นและเกาหลีใต้ 25% ทำให้นักลงทุนเทขายสินทรัพย์เสี่ยง ดันผลตอบแทนพันธบัตร 10 ปีพุ่งสูงสุดในรอบ 2 สัปดาห์ แต่น่าประหลาดใจที่ Bitcoin ยังยืนได้เหนือ 107,000 ดอลลาร์
แม้ภาพรวมเศรษฐกิจจะเต็มไปด้วยความไม่แน่นอน แต่พฤติกรรมของบิทคอยน์และข้อมูลอนุพันธ์ที่ดีขึ้น ชี้ว่านักลงทุนเริ่มเชื่อว่าราคาอาจพุ่งทะลุกรอบในเร็ววัน โดยเฉพาะหากตลาดเริ่มมองว่า BTC ไม่ใช่แค่สินทรัพย์ความเสี่ยง แต่เป็น “แผนสำรองทางการเงิน” ในโลกใหม่
Reference: Cointelegraph