เศรษฐกิจโลกปั่นป่วน จุดไฟให้คริปโทขึ้นแท่นทางรอด

ภาวะเศรษฐกิจโลกที่กำลังเผชิญวิกฤตรอบด้าน ทั้งเงินเฟ้อพุ่ง หนี้สาธารณะพุ่ง และเสรีภาพทางการเงินถดถอย กำลังผลักให้คริปโทเคอร์เรนซีกลับมาอยู่ในสปอตไลต์ในฐานะ “ทางออกของระบบการเงินโลก” โดย Brian Armstrong ซีอีโอของ Coinbase (Nasdaq: COIN) ได้โพสต์ผ่าน X (Twitter เดิม) เมื่อวันที่ 20 มิถุนายนว่า

“โลกต้องการคริปโทมากกว่าที่เคย”

เขาอธิบายว่าปัญหาทางเศรษฐกิจกำลังรุนแรงขึ้นแบบก้าวกระโดด ไม่ว่าจะเป็นหนี้ที่เพิ่มไม่หยุด เงินเฟ้อที่ทำให้ทั้งประเทศล้ม และเสรีภาพทางการเงินที่ถูกจำกัดมากขึ้นเรื่อยๆ โดยเขามองว่า คริปโทไม่ใช่แค่สินทรัพย์ แต่คือ “เครื่องมือเพื่อฟื้นฟูเสรีภาพทางการเงินให้ผู้คนทั่วโลก”

คริปโทคืออาวุธตัดคนกลาง ลดค่าธรรมเนียม เพิ่มอิสรภาพ

Armstrong ชี้ว่าความเป็นอิสระทางการเงินเริ่มต้นจากการที่ประชาชนสามารถควบคุมเงินของตัวเองได้ โดยไม่ต้องพึ่งพาคนกลางอย่างธนาคารหรือสถาบันการเงิน ที่มักเรียกเก็บค่าธรรมเนียมสูงและล่าช้า

ในมุมของเขา คริปโทเคอร์เรนซีโดยเฉพาะบิตคอยน์ เปิดทางให้ทุกคนสามารถโอนเงินแบบรวดเร็วทั่วโลกด้วยต้นทุนต่ำผ่านมือถือ และช่วยให้คนธรรมดาทั่วไปมีอำนาจจัดการการเงินของตัวเองได้จริง

หนี้สหรัฐฯ พุ่ง คนหมดศรัทธาในระบบการเงินเดิม

เขาเตือนว่า หนี้รัฐบาลกลางสหรัฐฯ กำลังขยายตัวอย่างรุนแรง และนี่ไม่ใช่ปัญหาของแค่สหรัฐฯ แต่เป็นวิกฤตที่กำลังเกิดในประเทศประชาธิปไตยทั่วโลก “ผู้คนเริ่มหมดศรัทธาในเงินของตัวเอง และรู้สึกถึงภาระงบประมาณขาดดุลที่กำลังฉุดประเทศจม”

และนั่นทำให้บิตคอยน์กลับมาเป็นที่พึ่งทางการเงินอีกครั้ง เขากล่าวว่า:

“ไม่ใช่เรื่องบังเอิญที่ราคาบิตคอยน์แตะจุดสูงสุดใหม่ เพราะผู้คนหันมาใช้มันเพื่อป้องกันเงินเฟ้อและการใช้จ่ายเกินตัวของรัฐ”

เขาเชื่อว่าหากแนวโน้มนี้ยังดำเนินต่อไป บิตคอยน์อาจกลายเป็น “สกุลเงินสำรองโลก” คนต่อไป แทนที่ดอลลาร์สหรัฐ

Stablecoin ก็มาแรง ใช้งานจริงเพิ่ม 50% ใน 1 ปี

นอกจากบิตคอยน์แล้ว Armstrong ยังมองว่า Stablecoin หรือเหรียญดิจิทัลที่มีมูลค่าคงที่ (มักอิงกับดอลลาร์) กำลังกลายเป็นทางเลือกสำหรับการใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน โดยมีมูลค่าตลาดเพิ่มขึ้นถึง 50% เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว ถึงแม้ปริมาณการเทรดคริปโทจะไม่ได้เพิ่มตาม

เขาสรุปว่า “ระบบการเงินปัจจุบันมีปัญหาใหญ่ และมันกำลังแย่ลงเรื่อยๆ คริปโทคือคลื่นที่กำลังกินอุตสาหกรรมการเงินทั้งระบบ

Reference: Bitcoin News