Grayscale Research รายงานว่ามูลค่ารวมของเหรียญในหมวด “AI + Crypto” พุ่งจากประมาณ 4.5 พันล้านดอลลาร์ในปี 2023 ขึ้นมาแตะระดับ 2 หมื่นล้านดอลลาร์ ภายในเวลาไม่ถึง 2 ปี แม้การเติบโตในปี 2025 จะชะลอตัวลง แต่ Grayscale ยังมองว่าเทรนด์นี้แค่กำลัง “ตั้งหลัก” เพื่อก้าวต่อ
TAO ยังพอประคอง แต่เหรียญอื่นแผ่ว
ในปี 2025 เหรียญที่ทำผลงานดีที่สุดในกลุ่มนี้คือ Bittensor (TAO) ที่โตเพียง 2% ส่วนเหรียญที่ร่วงหนักที่สุดคือ Elizaos ที่ราคาดิ่งลงถึง 80% ในช่วงต้นปี
แม้ตัวเลขดูไม่หวือหวา แต่ Grayscale เชื่อว่ายังมีหลายปัจจัยสำคัญที่ทำให้ “AI + Crypto” จะกลับมาเร่งเครื่องอีกครั้ง โดยเฉพาะการ Halving ของ Bittensor ที่กำลังจะเกิดขึ้นภายในปีนี้ และการเติบโตของ Subnets หรือเครือข่ายย่อยในระบบของ TAO ซึ่งเริ่มถูกใช้งานจริงตั้งแต่มีการอัปเกรด dTAO เมื่อเดือนกุมภาพันธ์
นับตั้งแต่เปิดให้ลงทุนใน Subnet ได้ TAO ที่หมุนเวียนก็ถูกจัดสรรเข้าสู่ระบบ Subnet แล้วมากกว่า 7% ของเหรียญทั้งหมด
การเทรน AI แบบกระจายศูนย์
Grayscale ยังเน้นว่า “การเทรนโมเดล AI แบบกระจายศูนย์ (Distributed Training)” คืออีกหนึ่งจุดแข็งของสาย AI Crypto โดยยกตัวอย่างโครงการ Prime Intellect ซึ่งสามารถเทรนโมเดลขนาดใหญ่กว่า 30 พันล้านพารามิเตอร์ ด้วย GPU ที่เชื่อมต่อจากหลายแหล่งแบบกระจาย
Grayscale มองว่าแนวคิดนี้อาจพลิกโฉมวงการ AI โดยเฉพาะถ้าสามารถดึง “พลังคอมพิวเตอร์ที่นอนนิ่งอยู่ในดาต้าเซ็นเตอร์” ซึ่งคิดเป็นประมาณ 30% ของศักยภาพรวมทั้งหมดในระบบโลก มาใช้งานได้จริง นั่นหมายถึง ลดต้นทุน และลดข้อจำกัดในการเข้าถึง AI อย่างมหาศาล
ผู้เล่นใหม่ที่น่าจับตา
นอกจาก Prime Intellect แล้ว รายงานยังพูดถึงโปรเจกต์อีก 2 รายคือ Gensyn และ Nous Research (ที่เพิ่งระดมทุนได้ถึง $50 ล้าน ในรอบ Series A)
สองทีมนี้กำลังเดินหน้าเสริมรากฐานของ AI Crypto ให้แข็งแรงขึ้นในมุมของ โครงสร้างพื้นฐาน (infrastructure)
ขณะเดียวกัน Grayscale ยังชี้ไปที่ Grass Network ว่าเป็นอีกหนึ่งโปรโตคอลที่ทำรายได้ระดับ “ปีละหลายสิบล้านดอลลาร์” จากการขายข้อมูลเว็บไซต์ (scraped data) ให้กับห้องแล็บ AI ต่างๆ
ความหวังจากฝั่งกฎหมาย
Grayscale ยังเสริมว่าความคืบหน้าในเรื่อง “กฎระเบียบของ Stablecoin” โดยเฉพาะกฎหมายอย่าง GENIUS Stablecoin Bill อาจกลายเป็นตัวแปรเชิงบวกที่ช่วยให้เงินไหลเข้าวงการคริปโตได้อย่างมั่นใจยิ่งขึ้น
แต่ก็เตือนนักลงทุนว่าต้องติดตามข่าวฝั่งนโยบายอย่างใกล้ชิด เพราะกฎหมายใหม่อาจทั้งเปิดโอกาสและสร้างข้อจำกัดไปพร้อมกัน
Reference : Bitcoin News