บิตคอยน์มีจำนวนจำกัดที่ 21 ล้านเหรียญ ซึ่งถูกเขียนล็อกไว้ในโค้ดตั้งแต่แรกเริ่ม ไม่มีใครสามารถเพิ่มหรือลดจำนวนนี้ได้ เว้นแต่จะเปลี่ยนระบบทั้งโปรโตคอล ซึ่งเท่ากับทำลายความเป็นบิตคอยน์เองไปด้วย และนี่คือหัวใจของคุณสมบัติ “เงินฝืด” ที่ทำให้บิตคอยน์แตกต่าง
ตอนนี้ขุดไปแล้วเท่าไหร่?
ณ พฤษภาคม 2025 มีบิตคอยน์ถูกขุดไปแล้วประมาณ 19.6 ล้าน BTC หรือ 93.3% ของทั้งหมด เหลืออีกเพียง 1.4 ล้าน BTC ที่ยังไม่ได้ถูกสร้างขึ้น — และจะใช้เวลากว่าศตวรรษกว่าจะขุดครบทั้งหมด
ทำไมบิตคอยน์ที่เหลือถึงขุดได้ช้าลง?
เพราะระบบ “Halving” — หรือการลดรางวัลลงครึ่งหนึ่งทุก ๆ 210,000 บล็อก (ประมาณ 4 ปี) ซึ่งเริ่มต้นตั้งแต่ปี 2009 ตอนนั้นรางวัลอยู่ที่ 50 BTC ต่อบล็อก และลดลงเรื่อยๆ
ตัวอย่างเช่น ภายในปี 2020 มีบิตคอยน์ถูกขุดออกมาแล้วกว่า 87%
แต่หลังจากนั้น อัตราการออกเหรียญจะช้าลงอย่างมาก
คาดว่าภายในปี 2035 จะมี BTC ออกมาเกิน 99% แล้ว แต่เหรียญสุดท้าย (satoshi สุดท้าย) จะต้องรอถึงประมาณ ปี 2140 เนื่องจากระบบคณิตศาสตร์ที่ใช้ลดรางวัลแบบค่อยเป็นค่อยไป
บิตคอยน์หายไปเยอะกว่าที่คิด
ถึงจะขุดออกมาแล้ว 19.6 ล้านเหรียญ แต่ไม่ได้แปลว่าทั้งหมดนั้นยังใช้งานได้จริง มีเหรียญจำนวนมากที่ “หายไปจากระบบ” อย่างถาวร เช่น:
- ลืมรหัสผ่าน
- ฮาร์ดดิสก์พัง
- กระเป๋าเงินหาย
- ผู้สร้างต้นฉบับอย่าง Satoshi Nakamoto ไม่เคยแตะกระเป๋าอีกเลย (ถือกว่า 1.1 ล้าน BTC)
ข้อมูลจาก Chainalysis และ Glassnode ประเมินว่า มี BTC ที่หายไปแล้วระหว่าง 3.0 – 3.8 ล้านเหรียญ หรือประมาณ 14–18% ของทั้งหมด
แปลว่าบิตคอยน์ที่หมุนเวียนใช้งานได้จริงอาจมีแค่ราว ๆ 16–17 ล้านเหรียญ เท่านั้น ต่างจากทองคำที่แม้จะขุดขึ้นมาแล้ว 85% แต่ยังสามารถหลอมใหม่และนำกลับมาใช้งานได้ บิตคอยน์หายแล้วหายเลย ไม่มีวันได้คืน
แล้วถ้าขุดครบ 21 ล้าน BTC จะเกิดอะไรขึ้น?
หลายคนกลัวว่าถ้าไม่มีรางวัลจากการขุดเหลืออยู่ ระบบจะล่ม แต่ความจริงระบบถูกออกแบบมาให้ “ปรับตัวเอง” ตลอดเวลา
ถ้าไม่มีคนขุดเพราะไม่คุ้ม ระบบจะลดความยาก (difficulty adjustment) ทุก 2,016 บล็อก (ประมาณ 2 สัปดาห์) ระบบจะปรับระดับความยากให้บล็อกถูกสร้างทุก 10 นาทีตามเดิม
ตัวอย่างเช่นตอนที่จีนแบนการขุดในปี 2021 แฮชเรตหายไปกว่า 50% ในไม่กี่สัปดาห์ แต่เครือข่ายยังทำงานต่อได้ปกติ แล้วแฮชเรตก็ฟื้นคืนในเวลาไม่นาน
ตราบใดที่ราคาบิตคอยน์ยังมากพอให้ผู้ขุดมีกำไร — ไม่ว่าจะได้รางวัลแค่ 0.78 BTC ต่อบล็อก — ก็ยังมีแรงจูงใจให้เครือข่ายเดินหน้าต่อไปได้
อนาคตอาจต้องพึ่งค่าธรรมเนียม (fee) มากขึ้น เช่นในวันที่ 20 เมษายน 2024 หลังจากเปิดใช้งานโปรโตคอล Runes ทำให้ค่าธรรมเนียมในวันเดียวพุ่งถึง 80 ล้านดอลลาร์ แซงรางวัลบล็อกที่ได้แค่ 26 ล้านดอลลาร์ไปแล้ว
พลังงานที่ใช้ขุดบิตคอยน์
หลายคนเข้าใจผิดว่าราคาบิตคอยน์ขึ้น = ใช้พลังงานเพิ่มเรื่อยๆ แต่ความจริงแล้วระบบถูกควบคุมโดย “ต้นทุนและกำไร” พอรางวัลลดลง เหมืองต้องหาพลังงานที่ถูกที่สุด → ผลักให้ไปใช้พลังงานสะอาด เช่น พลังน้ำ ลม หรือไฟฟ้าเหลือใช้
รายงานจาก Cambridge ระบุว่า 52–59% ของการขุดบิตคอยน์ในปี 2025 ใช้พลังงานสะอาดแล้ว หลายประเทศก็เริ่มออกนโยบายส่งเสริมเหมืองพลังงานสะอาด และควบคุมเหมืองที่ใช้ฟอสซิล ทำให้ภาพเหมืองถ่านหินที่กินพลังงานไร้ขีดจำกัดนั้นเริ่มเป็นอดีตไปแล้ว
Reference : Cointelegraph