หากร่างกฎหมาย “Big, Beautiful Bill” ของโดนัลด์ ทรัมป์ ผ่านสภาในรูปแบบปัจจุบัน จะมีการเก็บภาษี 5% สำหรับการโอนเงินกลับประเทศของชาวต่างชาติในสหรัฐฯ ซึ่งอาจกระทบประชาชนกว่า 40 ล้านคน ที่พำนักในสหรัฐฯ และส่งรายได้กลับไปยังครอบครัวในประเทศต้นทาง

ภาษีการโอนเงินอาจเร่งให้คริปโตกลับมาได้รับความนิยมอีกครั้ง

แม้การใช้คริปโตเพื่อการโอนเงินระหว่างประเทศ (remittance) จะยังไม่แพร่หลายนักในปัจจุบัน แต่ร่างกฎหมายฉบับนี้อาจเปลี่ยนแปลงสถานการณ์นั้น

ภายใต้ร่างกฎหมายฉบับนี้ ซึ่งทรัมป์เรียกว่า “Big, Beautiful Bill” จะมีการเรียกเก็บภาษี 5% จากการโอนเงินกลับประเทศโดยผู้ที่ ไม่ได้ถือสัญชาติสหรัฐฯ รวมถึงผู้ที่อยู่ในสหรัฐฯ ภายใต้โปรแกรมวีซ่าหลายประเภท ซึ่งมักจะโอนรายได้กลับไปยังครอบครัวในต่างประเทศ

เม็กซิโกโต้กลับทันที ชี้เป็นนโยบายไม่เป็นธรรม

Claudia Sheinbaum ประธานาธิบดีของเม็กซิโก ออกมาวิพากษ์วิจารณ์ร่างกฎหมายดังกล่าวอย่างรุนแรง โดยระบุว่า:

“เงินที่ส่งกลับประเทศ คือผลลัพธ์จากความพยายามของคนที่ทำงานสุจริต ซึ่งไม่เพียงแต่สนับสนุนเศรษฐกิจของเม็กซิโก แต่ยังเสริมความแข็งแกร่งให้กับเศรษฐกิจของสหรัฐฯ ด้วย เราจึงมองว่ากฎหมายนี้ไม่ยุติธรรมและไร้เหตุผล”

ตามข้อมูลจากธนาคารกลางเม็กซิโก ในปี 2024 ประเทศได้รับเงินโอนกลับบ้านมากกว่า 64 พันล้านดอลลาร์ หากมีการเก็บภาษี 5% จริง อาจสร้างรายได้ให้รัฐบาลสหรัฐฯ กว่า 3 พันล้านดอลลาร์ต่อปี

นักวิเคราะห์เชื่อว่าผู้ส่งเงินจะหาทางเลี่ยงภาษีนี้ได้

แม้ร่างกฎหมายจะออกมาเข้มข้น แต่ผู้เชี่ยวชาญเชื่อว่าการไหลของเงินจะยังดำเนินต่อไป โดยอาจเปลี่ยนผ่าน “ช่องทางอื่น” ที่อยู่นอกการควบคุมของรัฐ

Manuel Orozco ผู้อำนวยการโครงการ Migration, Remittances, and Development ของ Inter-American Dialogue ระบุว่า:

“บางคนอาจจะหันไปใช้ช่องทางการส่งเงินที่ไม่ได้รับอนุญาต”

ซึ่งหนึ่งในช่องทางเหล่านั้นก็คือ คริปโตเคอร์เรนซี

กระเป๋าคริปโตแบบส่วนตัว (self-hosted wallets) อาจรอดจากภาษี

องค์กร Coin Center ซึ่งทำงานสนับสนุนวงการคริปโตในสหรัฐฯ ระบุว่า กระเป๋าเงินคริปโตแบบ self-custody (ผู้ใช้งานถือกุญแจเอง) จะอยู่นอกเหนือขอบเขตของร่างกฎหมายนี้

เหตุผลคือ กระเป๋าประเภทนี้ ไม่มีตัวกลางในการดำเนินการ ดังนั้นจึงไม่ถือว่าเป็นผู้ให้บริการโอนเงินตามนิยามของกฎหมาย

Reference : Bitcoin News