Bitcoin Stamps คือวิธีใหม่ในการฝังงานศิลปะดิจิทัลลงในบล็อกเชนของ Bitcoin โดยใช้โปรโตคอล STAMPS ซึ่งต่างจากวิธีการเดิมๆ ที่เราคุ้นเคย เช่น Ordinals หรือ NFT บน Ethereum
แทนที่จะเก็บข้อมูลในรูปแบบของ Token แบบเดิมๆ Bitcoin Stamps จะฝังข้อมูลโดยตรงใน UTXOs (Unspent Transaction Outputs) ซึ่งก็คือข้อมูลการทำธุรกรรมที่ยังไม่ถูกใช้จ่าย ทำให้ข้อมูลนี้จะถูกเก็บไว้ในบล็อกเชนอย่างถาวรและไม่สามารถลบออกได้
Bitcoin Stamps ทำงานอย่างไร?
แปลงภาพเป็นข้อมูล
งานศิลปะดิจิทัล (เช่น ภาพ PNG หรือ GIF) จะถูกแปลงเป็น Base64 string ซึ่งเป็นวิธีการแปลงข้อมูลให้กลายเป็นชุดตัวอักษรที่ระบบบล็อกเชนสามารถอ่านและบันทึกได้
เพิ่มข้อมูลลงในธุรกรรม
เมื่อได้ข้อมูลในรูปแบบ Base64 แล้ว ข้อมูลนี้จะถูกเพิ่มลงในธุรกรรม Bitcoin พร้อมกับคำว่า “STAMP:” เพื่อระบุว่าเป็นข้อมูลจากโปรโตคอล STAMPS
กระจายข้อมูล
ข้อมูลเหล่านี้จะถูกกระจายออกไปในหลาย Output ของธุรกรรม (Multi-Signature) การใช้หลาย Output ทำให้ข้อมูลนี้ยากต่อการลบและคงอยู่ในบล็อกเชนอย่างถาวร
การกำหนดลำดับ
แต่ละ Bitcoin Stamp จะได้รับหมายเลขเฉพาะ ตามลำดับเวลาที่ธุรกรรมเกิดขึ้น ทำให้สามารถระบุลำดับของ Stamp ได้อย่างชัดเจน
โปรโตคอลใน Bitcoin STAMPS: SRC-20 และ SRC-721
Bitcoin STAMPS มีมาตรฐานการเก็บข้อมูล 2 รูปแบบที่สำคัญ คือ SRC-20 และ SRC-721
SRC-20
เป็นมาตรฐานที่ออกแบบมาเพื่อเก็บข้อมูลแบบง่ายๆ ในรูปแบบของ Token ข้อมูลจะถูกฝังไว้ใน UTXOs ซึ่งต่างจาก Ordinals ที่เก็บข้อมูลใน Witness Data ตัวอย่างการใช้งาน SRC-20 คือ การเก็บข้อมูลเช่น ข้อความ หรือ Token ที่สามารถซื้อขายได้
SRC-721
มาตรฐานนี้ออกแบบมาเพื่อสร้าง NFT (Non-Fungible Token) ที่มีรายละเอียดสูง ใช้เทคนิคการแบ่งภาพเป็น Layer (ชั้น) แล้วบีบอัดด้วย Indexed Color Palettes แต่ละ Layer จะถูกบันทึกแยกกันและสามารถดึงมารวมเป็นภาพเดียวได้ วิธีนี้ช่วยลดขนาดข้อมูลและประหยัดค่าธรรมเนียมในการทำธุรกรรม
Bitcoin Stamps vs. Bitcoin Ordinals: ต่างกันอย่างไร?
การตัดข้อมูล (Data Pruning)
Ordinals: ข้อมูลจะถูกเก็บใน Witness Data ซึ่งสามารถถูกลบออกได้ในอนาคต หากบล็อกเชนต้องการลดขนาดข้อมูล
Stamps: ข้อมูลถูกฝังใน UTXOs ซึ่งไม่สามารถลบออกได้ ทำให้ข้อมูลนี้ คงอยู่ถาวร ในบล็อกเชน
การจัดเก็บข้อมูล
Ordinals: ข้อมูลจะถูกเก็บเป็นส่วนหนึ่งของธุรกรรม แต่ไม่ใช่ใน UTXOs ทำให้การเพิ่มข้อมูลใหม่อาจต้องเสียค่าธรรมเนียมเพิ่ม
Stamps: ข้อมูลฝังใน UTXOs ทำให้สามารถเพิ่มข้อมูลได้อย่างยืดหยุ่น แต่ถ้าขนาดไฟล์ใหญ่ ค่าธรรมเนียมก็จะสูงขึ้น
ขนาดข้อมูลและค่าธรรมเนียม
Ordinals: จำกัดขนาดข้อมูลตาม ขนาดบล็อก (Block Size) ซึ่งทำให้ค่าธรรมเนียมคงที่ แต่ขนาดภาพหรือข้อมูลจะต้องเล็ก
Stamps: ขนาดข้อมูลไม่จำกัด แต่ยิ่งใหญ่ก็ยิ่งต้องจ่ายค่าธรรมเนียมสูง
รูปแบบลายเซ็น (Signature Type)
Ordinals: ใช้ Single Signature หรือการเซ็นด้วยลายเซ็นเดียว
Stamps: ใช้ Multi-Signature ซึ่งมีความปลอดภัยสูงกว่า เนื่องจากต้องการลายเซ็นจากหลายฝ่าย
ข้อดีและข้อเสียของ Bitcoin Stamps
ข้อดี:
- ข้อมูลถูกเก็บในบล็อกเชนอย่างถาวร ไม่สามารถลบหรือแก้ไขได้
- รองรับการสร้าง NFT ที่มีรายละเอียดสูงและหลายชั้น (Multi-Layer)
- ใช้ Multi-Signature เพิ่มความปลอดภัยในการเก็บข้อมูล
ข้อเสีย:
- หากภาพมีขนาดใหญ่ ค่าธรรมเนียมในการฝังข้อมูลจะสูง
- ข้อมูลที่ฝังใน UTXOs จะเพิ่มขนาดบล็อกเชน ทำให้ระบบบล็อกเชนมีขนาดใหญ่ขึ้น
สรุป
Bitcoin Stamps คือวิธีใหม่ในการฝังข้อมูลศิลปะดิจิทัลลงในบล็อกเชน Bitcoin โดยการใช้ UTXOs ซึ่งทำให้ข้อมูลเหล่านี้ไม่สามารถถูกลบได้ ต่างจาก Ordinals ที่เก็บข้อมูลใน Witness Data ที่อาจถูกตัดออกในอนาคต
โปรโตคอล STAMPS แบ่งออกเป็น SRC-20 สำหรับการเก็บข้อมูลแบบพื้นฐาน และ SRC-721 สำหรับการสร้าง NFT ที่มีรายละเอียดสูง จุดเด่นของ STAMPS คือการใช้ Multi-Signature เพื่อเพิ่มความปลอดภัยในการเก็บข้อมูล
อย่างไรก็ตาม ค่าธรรมเนียมในการฝังข้อมูลยังคงเป็นข้อจำกัดสำคัญ หากข้อมูลมีขนาดใหญ่ ค่าธรรมเนียมก็จะสูงตามไปด้วย ทำให้นักพัฒนาและศิลปินต้องคำนวณค่าใช้จ่ายอย่างระมัดระวังเมื่อใช้งานโปรโตคอลนี้
Reference : Binance Academy