การลงทุนในคริปโตเคอเรนซีเป็นเรื่องที่น่าตื่นเต้น แต่ก็เต็มไปด้วยการตัดสินใจที่สำคัญ หนึ่งในคำถามที่นักลงทุนต้องเผชิญคือ ควรเลือก Day Trading หรือ HODLing? ทั้งสองกลยุทธ์มีข้อดีและความเสี่ยงแตกต่างกัน ดังนั้นการทำความเข้าใจพื้นฐานของแต่ละวิธีจึงเป็นก้าวแรกที่สำคัญ

Day Trading: การซื้อขายระยะสั้น

Day Trading คือกลยุทธ์การซื้อขายระยะสั้น โดยนักเทรดจะทำการซื้อและขายสินทรัพย์ภายในวันเดียวกัน เป้าหมายหลักคือการทำกำไรจากความผันผวนของราคาในระยะสั้น นักเทรดมักใช้เครื่องมือวิเคราะห์กราฟ เทคนิค และข่าวสารตลาดเพื่อประกอบการตัดสินใจ

ลักษณะของ Day Trading:

  • การวิเคราะห์ตลาด: ใช้กราฟและแนวโน้มในการทำนายทิศทางราคา
  • การซื้อขายที่รวดเร็ว: การซื้อขายจะเกิดขึ้นภายในไม่กี่นาทีหรือชั่วโมง
  • การใช้เลเวอเรจ: บางครั้งนักเทรดจะใช้เงินกู้หรือสินเชื่อเพื่อเพิ่มกำไร แต่ก็เพิ่มความเสี่ยงเช่นกัน
  • การเฝ้าติดตามตลาด: ต้องจับตาดูตลาดตลอดเวลาเพื่อหาจังหวะเข้าและออก

ข้อดีของ Day Trading:

  • โอกาสทำกำไรระยะสั้น: หากทำได้ดี การซื้อขายรายวันสามารถสร้างผลตอบแทนได้อย่างรวดเร็ว
  • การเรียนรู้: การซื้อขายที่รวดเร็วช่วยให้นักเทรดพัฒนาทักษะการวิเคราะห์และทำความเข้าใจตลาดได้เร็วขึ้น
  • ความผันผวน: ตลาดคริปโตมีความผันผวนสูง ซึ่งสามารถสร้างโอกาสในการทำกำไรได้

ข้อเสียของ Day Trading:

  • ความเสี่ยงสูง: ราคาสามารถเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว อาจทำให้ขาดทุนได้ในเวลาอันสั้น
  • ความเครียดและกดดัน: การจับตาดูตลาดตลอดวันอาจสร้างความเครียดและกดดันอย่างมาก
  • ค่าธรรมเนียม: การซื้อขายบ่อยครั้งอาจทำให้ค่าธรรมเนียมสะสมและกัดกินกำไร

HODLing: การถือครองระยะยาว

HODLing คือกลยุทธ์การถือครองสินทรัพย์ดิจิทัลระยะยาว โดยไม่คำนึงถึงความผันผวนระยะสั้น คำว่า HODL มีที่มาจากคำสะกดผิดในฟอรั่ม BitcoinTalk แต่ปัจจุบันถูกตีความใหม่ว่า Hold On for Dear Life หรือการถือครองอย่างแน่วแน่

ลักษณะของ HODLing:

  • การลงทุนระยะยาว: เน้นการสะสมสินทรัพย์โดยไม่เน้นการซื้อขายบ่อย
  • ลดความเสี่ยงจากความผันผวน: ไม่ต้องสนใจความเคลื่อนไหวรายวัน แต่เน้นการเติบโตในระยะยาว
  • การเลือกเหรียญที่มั่นคง: มักเลือกลงทุนในสินทรัพย์ที่มีศักยภาพ เช่น Bitcoin หรือ Ethereum

ข้อดีของ HODLing:

  • ความเครียดน้อย: ไม่ต้องกังวลกับการเปลี่ยนแปลงของราคาในแต่ละวัน
  • ค่าธรรมเนียมต่ำ: เนื่องจากมีการซื้อขายน้อย ค่าธรรมเนียมจึงไม่สูง
  • โอกาสสร้างกำไรระยะยาว: หากเลือกเหรียญที่มีศักยภาพ การถือครองระยะยาวอาจสร้างผลตอบแทนที่ดี

ข้อเสียของ HODLing:

  • ความเสี่ยงจากตลาด: หากตลาดคริปโตตกลงในระยะยาว อาจส่งผลกระทบต่อมูลค่าทรัพย์สิน
  • โอกาสที่พลาดไป: การถือครองอย่างเดียวอาจทำให้นักลงทุนพลาดโอกาสทำกำไรจากการเทรดระยะสั้น
  • ความอดทน: ต้องมีความอดทนสูง เนื่องจากผลตอบแทนอาจไม่เกิดขึ้นทันที

กลยุทธ์ใดเหมาะกับเรา?

ความเสี่ยงที่ยอมรับได้

หากเรายอมรับความเสี่ยงสูงและสามารถรับมือกับความผันผวนได้ Day Trading อาจเป็นทางเลือกที่ดี หากเราต้องการหลีกเลี่ยงความเสี่ยงและเน้นการเติบโตระยะยาว HODLing คือคำตอบ

เวลาที่สามารถทุ่มเท

หากเราสามารถติดตามตลาดและวิเคราะห์ได้ตลอดวัน Day Trading อาจสร้างกำไรได้ หากเรามีเวลาน้อยและต้องการการลงทุนแบบ Passive HODLing จะเหมาะกว่า

ความรู้ในตลาด

Day Trading ต้องการความเข้าใจในกราฟ เทคนิค และจิตวิทยาตลาด ส่วน HODLing ต้องการเพียงความเชื่อมั่นในศักยภาพของสินทรัพย์ที่ลงทุน

การควบคุมอารมณ์

หากเราควบคุมอารมณ์ได้ดีและมีวินัยในการซื้อขาย Day Trading อาจเป็นทางเลือก หากเราต้องการลดความเครียดจากความผันผวน HODLing คือทางออก

ผสมผสานกลยุทธ์เพื่อเพิ่มโอกาส

นักลงทุนบางคนเลือกที่จะใช้กลยุทธ์ ผสมผสาน (Hybrid Strategy) โดยการแบ่งพอร์ตออกเป็นสองส่วน ส่วนหนึ่งสำหรับการ HODLing และอีกส่วนหนึ่งสำหรับ Day Trading

ตัวอย่างเช่น:

  • พอร์ต HODLing: ลงทุนใน Bitcoin หรือ Ethereum เพื่อถือครองระยะยาว
  • พอร์ต Day Trading: ใช้เหรียญที่มีความผันผวนสูง เช่น Altcoins เพื่อทำกำไรระยะสั้น

กลยุทธ์นี้ช่วยให้นักลงทุนได้รับประโยชน์จากทั้งสองรูปแบบ ทั้งการเติบโตระยะยาวและการทำกำไรระยะสั้น

Reference : Binance Academy