ในยุคที่การถือครองสินทรัพย์ดิจิทัลเริ่มเป็นที่จับตามอง การสะสมบิตคอยน์ในฐานะสินทรัพย์สำรองเชิงกลยุทธ์ (Strategic Bitcoin Reserve) กำลังกลายเป็นกลยุทธ์ที่องค์กรและรัฐบาลหลายแห่งให้ความสนใจ บิตคอยน์ ซึ่งมีจำนวนจำกัดที่ 21 ล้านเหรียญ ถูกมองว่าเป็นสินทรัพย์ที่ช่วยปกป้องมูลค่าในระยะยาว คล้ายกับการถือทองคำในอดีต

การสำรองบิตคอยน์คืออะไร?

การสะสมบิตคอยน์ในลักษณะนี้ คือการจัดสรรบิตคอยน์ไว้ในคลังสินทรัพย์สำรองขององค์กรหรือรัฐบาล โดยมีวัตถุประสงค์ในการปกป้องมูลค่าจากความผันผวนทางเศรษฐกิจ หรือเพื่อสร้างความมั่นคงทางการเงินในระยะยาว

เหตุผลในการสะสมบิตคอยน์มีหลายประการ เช่น:

  • ป้องกันความเสี่ยงจากเงินเฟ้อ: เนื่องจากบิตคอยน์มีอุปทานจำกัด การถือครองบิตคอยน์จึงเป็นวิธีหนึ่งในการรักษามูลค่าทรัพย์สินในช่วงที่เงินเฟ้อสูงขึ้น
  • กระจายความเสี่ยง: การถือครองบิตคอยน์ช่วยลดการพึ่งพาสินทรัพย์ประเภทเดิมๆ อย่างทองคำ หรือพันธบัตรรัฐบาล
  • เก็บมูลค่าในระยะยาว: บิตคอยน์ถูกขนานนามว่าเป็น “ทองคำดิจิทัล” เพราะมีคุณสมบัติทนทานและขาดแคลน

ทำไมรัฐบาลและองค์กรถึงหันมาสะสมบิตคอยน์?

ป้องกันความเสี่ยงจากเงินเฟ้อ

เงินเฟ้อเป็นปัจจัยที่ทำให้ค่าเงินอ่อนค่าลง แต่บิตคอยน์มีจำนวนจำกัดและไม่สามารถพิมพ์เพิ่มได้ ทำให้บิตคอยน์เป็นสินทรัพย์ที่สามารถเก็บรักษามูลค่าได้ในระยะยาว

กระจายพอร์ตสินทรัพย์

รัฐบาลและบริษัทมักถือครองสินทรัพย์หลายประเภท เช่น พันธบัตร เงินสด ทองคำ หรืออสังหาริมทรัพย์ การเพิ่มบิตคอยน์เข้าไปในพอร์ตช่วยลดการพึ่งพิงสินทรัพย์ประเภทเดียว

เสริมความมั่นคงทางเศรษฐกิจ

สำหรับประเทศที่เศรษฐกิจไม่มั่นคง การถือครองบิตคอยน์อาจเป็นการปกป้องมูลค่าทรัพย์สินจากการอ่อนค่าของสกุลเงิน

ทรัมป์กับนโยบายสะสมบิตคอยน์แห่งชาติ

เมื่อวันที่ 6 มีนาคม 2025 ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ได้ลงนามในคำสั่งบริหารเพื่อจัดตั้ง Strategic Bitcoin Reserve และ U.S. Digital Asset Stockpile โดยเป้าหมายหลักคือการสะสมบิตคอยน์และคริปโตอื่นๆ เพื่อเป็นทุนสำรองแห่งชาติ

  • Bitcoin Reserve: ใช้บิตคอยน์ที่ยึดมาได้จากคดีอาญาและคดีแพ่งเพื่อเก็บรักษาไว้เป็นสินทรัพย์สำรอง โดยไม่มีแผนการขาย
  • Digital Asset Stockpile: เก็บรักษาคริปโตอื่นๆ เช่น อัลท์คอยน์ และให้กระทรวงการคลังกำหนดแผนการจัดการ

ข้อโต้แย้ง

แม้การสะสมบิตคอยน์จะถูกมองว่าเป็นกลยุทธ์ทางการเงินที่ชาญฉลาด แต่ก็มีผู้คัดค้านที่มองว่าการถือครองบิตคอยน์ในฐานะทุนสำรองของชาติอาจเพิ่มความเสี่ยงให้กับเศรษฐกิจ

ความผันผวนของราคา: บิตคอยน์มีความผันผวนสูง การถือครองบิตคอยน์จำนวนมากอาจนำไปสู่ความไม่แน่นอนทางการเงินหากราคาตกลง

ประเด็นด้านจริยธรรม: บิตคอยน์ที่ยึดมาได้จากคดีอาญาควรถูกคืนให้กับเหยื่อหรือขายทอดตลาด มากกว่าที่จะเก็บไว้ในคลัง

ความโปร่งใส: ยังไม่มีแผนการจัดการบิตคอยน์สำรองที่ชัดเจน ทำให้เกิดข้อกังวลด้านการควบคุมและการตรวจสอบ

ตัวอย่างการสะสมบิตคอยน์ในโลกจริง

MicroStrategy

บริษัท MicroStrategy ได้สะสมบิตคอยน์มาตั้งแต่ปี 2020 และปัจจุบันถือครองบิตคอยน์มากกว่า 499,000 BTC มูลค่ากว่า 42.9 พันล้านดอลลาร์

El Salvador

เอลซัลวาดอร์เป็นประเทศแรกในโลกที่ประกาศให้บิตคอยน์เป็นเงินถูกกฎหมายและได้สะสมบิตคอยน์ไว้เป็นทุนสำรองของชาติ

Tether

ผู้ออกเหรียญ USDT ก็สะสมบิตคอยน์ไว้เป็นส่วนหนึ่งของทุนสำรอง มูลค่ารวมกว่า 7.2 พันล้านดอลลาร์

อนาคตของการสะสมบิตคอยน์เชิงกลยุทธ์

แนวคิดการสะสมบิตคอยน์ในฐานะสินทรัพย์สำรองกำลังได้รับความสนใจจากทั้งรัฐบาลและองค์กรธุรกิจ หากบิตคอยน์ยังคงถูกมองว่าเป็นสินทรัพย์ป้องกันความเสี่ยงจากเงินเฟ้อและการลดค่าเงิน แนวโน้มนี้อาจขยายวงกว้างขึ้นเรื่อยๆ

อย่างไรก็ตาม การนำบิตคอยน์มาเป็นทุนสำรองยังคงมีข้อท้าทาย เช่น ความผันผวนของราคา กฎหมาย และการควบคุมดูแลที่ยังไม่ชัดเจน แต่หากสามารถจัดการกับข้อกังวลเหล่านี้ได้ การสะสมบิตคอยน์อาจกลายเป็นแนวทางใหม่ในการเสริมสร้างเสถียรภาพทางการเงินของประเทศและองค์กรในอนาคต

Reference : Binance Academy