Geoffrey Kendrick หัวหน้าฝ่ายวิจัยสินทรัพย์ดิจิทัลของ Standard Chartered Bank ยืนยันอีกครั้งว่าราคาบิตคอยน์ (BTC) มีแนวโน้มพุ่งแตะ $200,000 ได้ภายในสิ้นปี 2025 โดยข้อมูลดังกล่าวปรากฏในรายงานการวิจัยฉบับใหม่ที่ถูกส่งตรงถึงลูกค้าเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา สะท้อนมุมมองเชิงบวกต่อบิตคอยน์แม้เศรษฐกิจโลกยังเผชิญความไม่แน่นอนสูง
เงินทุนไหลออกจากสหรัฐ หนุนบิตคอยน์แข็งแกร่ง
รายงานระบุว่ามาตรการภาษีการค้าของ ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ กำลังผลักดันให้นักลงทุนจำนวนมากเบนเข็มออกจากสินทรัพย์สหรัฐฯ หันมาแสวงหาสินทรัพย์ทางเลือกที่ไม่ผูกติดกับนโยบายรัฐบาลมากนัก หนึ่งในตัวเลือกสำคัญคือบิตคอยน์ โดย “term premium” ของพันธบัตรสหรัฐฯ ซึ่งสะท้อนถึงความเสี่ยงของการถือพันธบัตรในระยะยาว พุ่งแตะระดับสูงสุดในรอบ 12 ปี บ่งชี้ว่านักลงทุนต้องการผลตอบแทนที่สูงกว่าปกติเพื่อชดเชยความเสี่ยง หรือหลีกเลี่ยงการถือครองสินทรัพย์สหรัฐฯ ไปเลย
“วาฬ” สะสมต่อเนื่อง, Bitcoin ETFs แซงทองคำ
ไม่เพียงแต่นักลงทุนทั่วไปเท่านั้นที่หันมาถือครอง BTC รายงานชี้ว่า:
- วาฬ หรือผู้ถือครอง BTC 1,000 เหรียญขึ้นไป กำลังเพิ่มพอร์ตลงทุนอย่างต่อเนื่อง แสดงถึงความเชื่อมั่นในแนวโน้มระยะยาว
- การไหลออกของเม็ดเงินจาก ทองคำ ETF สู่ Bitcoin ETF กำลังเป็นเทรนด์ชัดเจน สะท้อนว่าตลาดกำลังให้ความสำคัญกับบิตคอยน์มากกว่าสินทรัพย์ดั้งเดิมอย่างทองคำ
จากปัจจัยบวกเหล่านี้ Kendrick และทีมงานของเขาคาดว่าราคาบิตคอยน์จะพุ่งแตะ $120,000 ในไตรมาส 2 ของปี 2025 และมีแนวโน้มทะยานต่อเนื่องจนถึง $200,000 ภายในสิ้นปี
“เราคาดว่าปัจจัยสนับสนุนเหล่านี้จะผลักดัน BTC ให้สร้างจุดสูงสุดใหม่ที่ราว 120,000 ดอลลาร์ในไตรมาส 2” รายงานระบุ “และมองว่าราคาอาจยังคงปรับขึ้นต่อเนื่องตลอดช่วงฤดูร้อน จนแตะเป้าหมาย 200,000 ดอลลาร์ในช่วงสิ้นปี”
ภาพรวมเศรษฐกิจโลกเอื้อต่อการเติบโตของบิตคอยน์
การที่นักลงทุนทั่วโลกเริ่มสูญเสียความเชื่อมั่นในตราสารหนี้รัฐบาล โดยเฉพาะของสหรัฐฯ ซึ่งเคยถือเป็น “safe haven” ชั้นนำ ยิ่งทำให้สินทรัพย์ทางเลือกอย่างบิตคอยน์ดูน่าสนใจขึ้นเรื่อยๆ โดยเฉพาะเมื่อบิตคอยน์มีอุปทานจำกัด (21 ล้านเหรียญ) และไม่ขึ้นอยู่กับนโยบายการเงินหรือการเมืองของประเทศใดประเทศหนึ่ง
นอกจากนี้ แนวโน้มการเปิดรับบิตคอยน์ในฐานะสินทรัพย์กลยุทธ์ ทั้งในกลุ่มกองทุนบำเหน็จบำนาญ, กองทุนความมั่งคั่งแห่งชาติ (SWF) และกองทุนเฮดจ์ฟันด์ขนาดใหญ่ ก็กำลังเร่งตัวขึ้น ส่งผลให้แรงซื้อเชิงสถาบันน่าจะยังหนุนตลาดต่อเนื่องในระยะยาว
Reference : Bitcoin News