เมื่อวันพฤหัสที่ผ่านมา ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ร่วงยกแผงหลังจากดีดตัวแรงช่วงบ่ายวันพุธ โดยดัชนีหลักร่วงระหว่าง -2.81% ถึง -5.04% ขณะที่ฝั่งคริปโตเองก็ถอยตามไป -3.54% และ Bitcoin หลุดแนว $80,000 ด้านทองคำกลับดีดแรงขึ้น +2.58% แตะ $3,164 ต่อออนซ์
ท่ามกลางความปั่นป่วนของตลาด Jack Mallers ซีอีโอของ Strike ได้ออกวิดีโอแสดงความมั่นใจว่า Bitcoin จะเป็นสินทรัพย์ที่แยกตัวจากตลาดการเงินแบบดั้งเดิมได้ในระยะยาว โดยเขาย้ำว่า Bitcoin ไม่ได้มีมูลค่าผูกกับผลประกอบการบริษัทใดๆ แบบหุ้น แต่เกิดจากความขาดแคลนและบทบาทเป็นทรัพย์สินสำรอง (reserve asset) ต่างหาก
“ให้เข้าใจสิ่งที่เราถืออยู่” Mallers กล่าว “ตอนนี้ปล่อยให้ตลาดหุ้นคลั่งของมันไปก่อน… มันเต็มไปด้วยผู้จัดการกองทุนที่ถือเลเวอเรจสูงๆ พอเจอแรงเทขายหน่อยก็ร้องขอให้รัฐอุ้ม”
Mallers ยังพาดพิงถึงนโยบายของ อดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ว่า
“ทรัมป์เอาจริง เขาอยากช่วยคนจนในอเมริกา อยากสร้างโรงงาน อยากผลิตสินค้าเองในประเทศ และอยากแก้ปัญหาหนี้สาธารณะ”
เขาเชื่อว่านโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจในลักษณะนี้ จะนำไปสู่การพิมพ์เงินมหาศาล เพื่ออัดฉีดเข้าสู่ระบบ ซึ่งจะส่งผลให้ ค่าเงินเฟ้อสูงขึ้น และมูลค่าเงินเฟียต (fiat) ถูกลดทอนลงเรื่อยๆ
สิ่งนี้แหละที่ Mallers เชื่อว่าจะ กลายเป็นตัวเร่งราคา Bitcoin ให้พุ่งแบบ “นิวเคลียร์”
“สุดท้ายพวกเขาจะต้องพิมพ์เงินอีกเยอะมาก มูลค่า Bitcoin ผูกกับปริมาณเงินเฟียตที่ล้นโลกอยู่ตอนนี้… ถ้ารัฐอยากแก้ปัญหาเศรษฐกิจ เขาก็ต้องลดมูลหนี้ และสร้างเงินเพิ่ม — แบบนั้นมันจะส่ง Bitcoin ขึ้นทะลุฟ้า”
สรุปแล้ว Mallers มองว่า ยิ่งเศรษฐกิจโลกพึ่งพาการพิมพ์เงินมากเท่าไหร่ ความน่าสนใจของ Bitcoin ในฐานะสินทรัพย์หายากก็จะยิ่งเพิ่มขึ้น และจะยิ่งเห็นแรงซื้อจากภาคสถาบันเข้ามาอีกมหาศาลในอนาคต
Reference : Bitcoin News